วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

X-Japan Profiles character

=======================================================================
Yoshiki

ชื่อจริง      :  Yoshiki Hayashi
เกิดวันที่    :  20 พฤศจิกายน 1965
เมือง          :  ทาเตยาม่า
จังหวัด      :  ชิบะ
กรุ๊ปเลือด  :  B
ตำแหน่ง    :  Drums, Piano
       สมัยแรกๆ เขาไม่ค่อยเปิดเผยประวัติส่วนตัวเท่าไหร่นัก เราจะระบุว่า X ตลอด นั่นเป็นนโยบายของเขา เขามักพูดเสมอว่า X คือทุกอย่างของผม ประวัติของเขาจึงมีแต่ X เสมอ แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกับ Toshi จึงรู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ เกิดที่ไหน เหตุผลที่เขาไม่ยอมเปิดเผยวันเกิด ก็เพราะเขารู้สึกเขินเมื่อทุกคนแสดงความยินดีในวันเกิดของเขา ทำให้เขาเป็นคนขี้อายมากๆ
สมัยประถมนั้น เขามีความทรงจำกับอุบัติเหตุและเหตุการณ์มากมาย เช่น ป่วยเป็นโรคหืดหอบ ถูกรถชน ตอนที่เขาอยู่ ป.5 เขาได้รับกลองเป็นของขวัญวันเกิดจากแม่ของเขาเอง ซึ่งปกติเขาจะได้รับเครื่องดนตรีเป็นของขวัญทุกปี ช่วงแรกที่ได้กลองนั้น เขาไม่เคยสนใจมันเลยสักนิดที่ได้กลองเป็นของขวัญเพราะ พ่อของเขาอยากให้เขาเป็นมือกลองที่ดีให้ได้ ตอนอายุ 5 ขวบ เขาก็ได้รับเปียโนเป็นของขวัญ ตัวเขาเริ่มเล่นเปียโนตั้งแต่ 5 ขวบ นอกจากเรียนเปียโนแล้ว เขายังเรียนวาดภาพ ลูกคิด ภาษาอังกฤษ การเรียนเปียโนเป็นสิ่งที่เขาเล่นติดต่อกันนานที่สุด
       เมื่อเข้าเรียน ม.ต้น ร่างกายของเขาเริ่มแข็งแรงขึ้น และเข้าชมรมดนตรี และเขาก็ชนะเลิศการประกวดแผ่นเสียง Yoshiki เล่นทรัมเป็ต Toshi เล่นยูนิฟอเนี่ย เขาชอบเล่นฟุตบอล Yoshiki เป็นขวัญใจในห้องเรียน เพราะเป็นเด็กที่เกเร แต่กลับเล่นเปียโนเป็นได้อย่างสง่างาม เดิมทีเขาเป็นเด็กที่เกเรมากๆ มีปัญหากับอาจารย์ประจำ ชอบย้อมสีผมตลอดถึงขนาดโดนโกนหัวถึง 3 ครั้ง และชอบซิ่งมอเตอร์ไซด์อาละวาดใน ร.ร.ประจำ หลังจบการศึกษา เขาได้ทำลายตึกใหม่ อาคารต่าง ๆ ของร.ร.จนพัง แต่รู้ไหมว่าเขาเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก ขยันเรียนกว่าเพื่อน ๆ ทุกคน Yoshiki เป็นเด็กที่เกเรแต่หัวดี
        Yoshiki เริ่มรู้จักดนตรีแนว Rock ตั้งแต่อยู่ ป.5 เขาเริ่มรู้จักวง Kiss จาก Poster หน้าร้านขายเทป และพอรู้ว่า Kiss จะมาแสดงคอนเสริต์ที่ญี่ปุ่น จึงชวนแม่พาไปดูคอนเสริต์ครั้งแรกของเขา จากการที่เขาได้ชมคอนเสริต์เสร็จ เขาได้รับอิทธิพลจากการแสดง และเป็นอีกเหตุผลที่เขาตั้งวงขึ้นมา และทำให้เขาอยากเป็นมือกลอง เขาเป็นนักร้องนำโดยตีกลองไปด้วย ทำให้ถูกเพื่อนๆร้องว่า เสียงเหมือนเด็กทารก น่ารักจัง ทำให้เขาเลิกร้องไปเลย เขาเริ่มตั้งวงตอน ม.1 โดยเขาเป็นหัวหน้าวง และตอน ม.3 เขาได้จัดการแสดงคอนเสริต์ครั้งแรก โดยยืมศาลาประจำเมือง ตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า Noise เขาเคยถูกพักการเรียนเป็นประจำ และเคยถูกตำรวจจับด้วย หลังจากนั้นเขาได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น X ที่เขาตั้งชื่อนี้เพราะเห็นเป็นตัวอักษรตัวเดียวที่สะดุดตาดีนอกจากจะเล่น เพลงเลียนแบบ Iron Maiden เขาได้เข้าเรียนมหาวัทยาลัยดนตรี เพราะเขาอยากเป็นนักเปียโน เขาซ้อมวันละ 6 ชม. นิ้วเป็นสิ่งสำคัญของนักเปียโน ทำให้เขารักษานิ้วตัวเองเป็นอย่างดี ขนาดหกล้มยังเอาเข่าลงแทนมือ แต่เรื่องตีกลองเป็นปัญหา เพราะครูสอนเปียโนจะดุเขาเรื่องแผลที่ได้จากการตีกลอง แต่เขาก็ยังไม่ยอมทิ้งกลองระหว่างเล่นเปียโน เขาเริ่มขมัเขม้นกับการฝึกทำนอง ซอลเฟจู และคอล ยู บูเก็น เขาตัดสินใจเลิกสอบที่มหาวัทยาลัย และบอกกับแม่เขาว่า อยากเป็น Rock Star ทำให้ทุกคนในบ้านตกใจ ถึงใครจะห้ามยังไงก็ไม่ได้เขาเริ่มจะแต่งเพลงเอง
        ในตอนประกวดดนตรีตอน ม.6 Toshi ได้รับรางวัล best vocal ส่วน Yoshiki ได้รางวัล best drums และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาตัดสินใจ และยังคิดว่าเขามีความสามารถที่ไม่จำกัด Toshi และYoshiki ได้เดินทางไปโตเกียว ทั้ง 2 คนเริ่มหาสมาชิกวงเพิ่มอีก ทั้งสองได้เช่าห้องพัก ทำงานพิเศษทุกอย่างเพื่อจะได้นำเพลงไปเสนอค่ายเทปด้วย แต่เงินที่ได้มาไม่เพียงพอ ในที่สุดเขาก็ต้องเขียน จม.ไปขอตังค์จากแม่ Yoshiki ชอบการแต่งหน้า แต่งผมด้วยสไตล์ของตัวเอง ผมตั้งแบบหอยเม่น ตอนที่ X เปลี่ยนสมาชิกวง ทำให้เขาว่างงานพักหนึ่ง เขาได้ไปช่วยตีกลองให้วงอื่น ช่วงนั้นเขาไม่มีเวลาเลยขึ้นไปแสดงบนเวทีทั้งที่ผมตั้งได้แค่ครึ่งเดียว และแต่งหน้าซ้ายขวาไม่เหมือนกัน ข้างหนึ่งเป็น punk ข้างหนึ่งเป็น heavy metal ช่วงนั้น Yoshiki อยากเลิกล้มวงดนตรีของเขา เพราะต้องเปลี่ยนสมาชิกวงอยู่หลายครั้ง แต่ Toshi ก็คอยเป็นกำลังใจให้เขาอยู่เสมอ หลังจากนั้นเขาได้ดึงตัว Taiji มาเข้าวง และเริ่มแสดงสดอย่างจริงจัง แถมยังมีการอาละวาดบนเวที Yoshiki ชอบทำแก้วแตก และชอบขว้างขวดเบียร์หลายขวดเป็นประจำ จึงทำให้เจ้าของร้านห้ามพวกเขาเข้าร้านแถว Shibuya ที่จริงแล้ว เขาเป็นคนที่ร่าเริงมากๆ สุขุมน่ารัก หน้าตาเวลาล้างเครื่องสำอางนั้นงดงามมาก Yoshiki มีดี 2 อย่างคือ เวลาที่ solo กลองนั้นสามารถเล่นได้ หนักแน่น เหมือนมนุษย์มหัศจรรย์ แต่พอมาเล่นเปียโนนั้นช่างอ่อนหวาน นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก และ ในเมื่อ X คือทุกอย่างของเขา ดังนั้นจึงอย่า แปลกใจที่ประวัติของเขาไม่ได้จบลงท้ายด้วยคำพูดที่สวยงาม ถ้าคุณอ่านประวัติของ X ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว มันก็เหมือนคุณได้อ่านประวัติของ Yoshiki สุดยอดศิลปินทางดนตรีนั่นเอง

=======================================================================

Toshi

ชื่อจริง      :  Toshimitsu Deyama
เกิด วันที่   :  10 ตุลาคม 1965 
เมือง         :  ทาเตยาม่า
จังหวัด      :  ชิบะ
กรุ๊ปเลือด  :  A
ตำแหน่ง    :  Vocal
       ความทรงจำในวัยเด็กของเขาจะเน้นว่า เป็นคนธรรมดาสามัญมาก ครอบครัวมีฐานะปานกลาง อาศัยในชนบทที่สบายๆ ทั้งครอบครัวจะชอบเบสบอล จะไปเชียร์ทีมไจแอนด์เป็นประจำ คะแนนวิชาดนตรีของเขาจะดีมาก แต่วิชาอื่นก็เกือบตก ที่เขาเป็นร้องนำได้ก็เพราะว่าเขาอยู่กับดนตรีมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่เป็นคนสอนเปียโน คุณพ่อเคยชนะการประกวดคาราโอเกะ เขาก็มีความสามารถทางด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก แค่ฟัง melody ครั้งเดียวก็สามารถดีดกีต้าร์ได้แล้ว อีกอย่างคือความที่เขาอยากเด่น เขามักจะเป็นหัวหน้าชั้นเสมอ
Toshi ได้พบกับ Yoshiki ตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล หลังจากนั้นเขาก็เรียนด้วยกันมาตลอด บ้านของเขาห่างกันแค่ 10 นาทีถ้าขี่จักรยาน Yoshiki นั้นเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ชอบเพลง Rock ด้วยทำให้ถูกคอกับ Toshi ที่ชอบเหมือนกัน เพราะใน ร.ร นอกจาก 2 คนนี้แล้ว ไม่มีใครสนใจคุยเรื่องเพลง Rock เลย จึงทำให้พวกเขาเริ่มตั้งวงตั้งแต่ ป.5 แต่ได้เริ่มตั้งวงกันจริงๆก็ตอน ม.1 ตอนนั้น Toshi เล่นกีต้าร์ แต่พอ ม.3 ร.ร. ม.ต้นแยกเป็น 2 ร.ร. เมื่อนักร้องนำย้ายไปอยู่อีกร.ร. Toshi จึงได้เป็นร้องนำแทน เพราะเขาชอบร้องเพลงต่อหน้าผู้คน เลยเลิกเล่นกีต้าร์ที่ฝึกเท่าไหร่ก็ไม่เก่งสักที แต่ว่า Toshi ตอน ม.ต้นไม่ได้ทำแค่วงดนตรีอย่างเดียว เขาอยู่ซ้อมที่เข้มงวด ความอดทน การออกเสียงดัง ๆ และความสามารถด้านกีฬา
        เมื่อเป็นร้องนำวง X ลักษณะพิเศษต่าง ๆ ที่แสดงออกมาก็ได้มาจากตอนอยู่ชมรมวอลเล่ย์บอลนั่นเอง แม้จะอยู่ชมรมวอลเล่ย์บอล แต่ก็เล่นคอนเสริต์เป็นประจำ วางแผนงานกันเอง แม้ต้องขนเครื่องดนตรีเองก็ทำ ตอนนั้นใช้ชื่อว่า Noise แต่พอเรียน ม.5 ก็เปลี่ยนมาเป็น X ในงาน ร.ร.ตอน ม.6มีคนมาดูเขาเล่นนับพันๆคน แม้จะอยู่ ม.ปลาย แต่พวกเขาก็ก้าวไปถึงจุดสูงสุดในทาเทยาม่า เขาเริ่มต้นเข้าประกวดเพื่อทดสอบฝีมือของเขาเอง และส่วนใหญ่ก็ได้รับรางวัล best vocalist จึงมีความมั่นใจเลยตัดสินใจไปโตเกียว พวกเขาต้องพบกับนักดนตรีที่มีฝีมือเก่ง ๆ ทุกคน หลังจากเดินทางเข้าโตเกียว 1 ปี พวกเขาก็ได้แสดงสดใน Live Houseชื่อ ลา มา ม่า การแสดงสดครั้งนี้นับเป็นเกียรติประวัติของพวกเขาเลยทีเดียว ในช่วงกลางวันเป็นการคัดเลือกสมาชิก กลางคืนเป็นการแสดงสด พวกเขาจำหน่ายตั๋วเข้าชมราคา 500 เยน มีคนดูแค่ 20 เท่านั้น แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่า X จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
       14 กุมภาพันธ์1997 Toshi จดทะเบียนสมรสกับ Kaori ที่รู้จักกันครั้งแรกในปี 1993 ในการแสดงละครเวที Rock Opera Hamlit ใช้เวลาดูใจกันมา 3 ปี 20 เมษายน 1997 Toshi ขอลาออกจากวง สาเหตุคือ ความแตกต่างของแนวความคิดทางด้านดนตรี ในปี 31 ธันวาคม เขาก็กลับมาเล่น Concert The Last Live ที่ Tokyo Dome ให้กับ X เป็นครั้งสุดท้าย ปลายปี 1998 เขาและภรรยาได้เข้าร่วมลัทธิ Rumeria ของ Masaya ตั้งแต่นั้นมานิสัยเขาก็เปลี่ยนไป หงุดหงิดง่าย เปลี่ยนการแต่งตัวถือมังสวิรัต ไม่กินพืชที่เติบโตมาจากปุ๋ยเคมี ใช้เงินเปลือง ใช้คำพูดสรรพนามแปลกๆ ปฏิเสธแฟนเพลง เขาบอกว่า Toshi ในอดีตนั้นตายไปแล้ว ครอบครัวและแฟน ๆ ของเขาได้แต่ภาวนาว่า Toshi คนเดิมจะกลับมาอีกครั้ง

=======================================================================
Hide


ชื่อจริง      :  Hideto Matsumoto
เกิดวันที่    :  13 ธันวาคม 1964
เมือง         :  โยะโกะซึกะ
จังหวัด      :  คานางาว่า
กร๊ปเลือด  :  AB
ตำแหน่ง   :  Guitar
       สมัยเด็กๆ เขาเป็นคนที่อ้วนมากๆ ตอนที่ย้ายเข้าห้องมาใหม่ๆ ฮิเดะถูกครูสั่งให้วิ่งรสนามคนเดียว เพราะว่าความอ้วนจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ มันทำให้เขาเจ็บปวดมาก และอายเพื่อนเอามากๆ แต่ครูบอว่า "จะทำให้เขาผอมลงภายในไม่กี่เดือน" ตอน ม.3 เขาสูงเพียง 150 ซม. แต่หนักถึง 70 กก. นับว่าอ้วนที่สุด แต่พอถึง ม.ปลาย กากินของเขาก็เปลี่ยนไป เวลาที่แม่ให้เงินไปซื้อขนมปังมากิน แต่เขากลับไปซื้อเสื้อผ้า Satin เลยไม่ได้กินข้าวเที่ยง กลับถึงบ้านก็ไม่ทานข้าวเย็น แต่กลับเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปเที่ยวต่อทันที น้ำหนักเลยลดถึง 20 กก. ผมลงจนเหมือนคนละคน Hide เป็นคนที่เรียนพิเศษหลายอย่าง อาทิเช่นคาราเต้ เปียโน คัดอักษร ภาษาอังกฤษ แต่ถึงจะเรียนหลายอย่างก็ไม่ทำให้เขาชอบการเรียนได้ เขาชอบที่จะขี่จักรยานเล่นซะมากกว่า พ่อแม่ Hide อยากให้ลูกตัวเองเป็น INTER
       ตอนแรกเขาไม่มีความคิดเรื่องเพลง rock เลยสักนิด เขาเกลียดดนตรีประเภทนี้ที่สุด โดยเฉพาะ Aero Smith แต่เหตุผลที่เขากลับมาสนใจ rock อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเกลียคน ๆ นั้น แต่เขาได้ฟังเพลงของวง Kiss เขาชอบมาก และสนใจดนตรีแนวนี้ทุกที อีกเหตุผลหนึ่ง สมัยนั้นไม่มีวงแบบนี้ให้เห็นบ่อยสักเท่าไหร่นัก เขาเริ่มสนใจเล่น กีต้าร์ช่วงแรกเขาใช้ไม้เทนนิสแทนกีต้าร์ โพสท่าที่กระจก พอถึง ม.3 ยายก็ซื้อกีต้าร์ให้ เพื่อนในห้องต่างกันอิจฉาเป็นกันใหญ่ และเรียกเขาว่านาย Gibson เขาไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนเท่าไหร่นัก ที่ร.ร.เขาจะโดดวิชาพละเป็ประจำ เพราะว่าเกลียดวิชานี้มาก และเขาก็ชอบที่จะย้อมผม เจาะหู ซึ่งเป็นข้อห้ามของร.ร. เขาจดจำแฟชั่นประเภทจากยายของเขาเพราะยายเขาเป็นช่างเสริมสวยที่เปรี้ยวมาก ในอัลบั้ม Blue Blood เขาใส่เสื้อผ้าแบบอินเดียนแดง ซึ่งชุดนั้นเป็นชุดของยายเขาเอง เขายังบอกเลยว่ายายของเขานั้นเท่ห์ซะไม่มี นอกจากนี้ที่ ร.ร.ยังห้ามเล่นดนตรี rock อย่างเด็ดขาด ทำให้เขาเสียใจมาก เพราะเขาตั้งใจจะตั้งวงที่ ร.ร. แต่เขาก็ออกมาตั้งวงที่ Yokosuga มี pub และ Live House สำหรับทหารอเมริกันมากมาย ขณะนั้นเขาตั้งชื่วงว่า Saber Tiger นโยบายของวงคือทำอะไรให้หรูและเว่อร์สุดๆ ทุกคนในวงจึงย้อมผม และเอาโซ่มอเตอร์ใซด์ที่ไปขโมยเขามาคล้องกับตัว
       เขาเปลี่ยนสมาชิกหลายครั้งและเขาก็เริ่ม เข้มงวดกับสมาชิกขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขาเป็นหัววงนั้นเอง ในช่วงนั้นวง SaberTiger ของHide ดังกว่าวง X ของ Yoshiki ซะอีก แต่ Hide นั้นเบื่อกับการเปลี่ยนสมาชิกวงบ่อย ๆ และสัญญาว่าถ้าผู้ใดลาออกจากวงไปอีกคน ก็จะประกาศยุบลงทันทีช่วงนั้น Tetsu ขอลาออกจากวง ทำให้ต้องยุบวง และ Hide เริ่มหมดกำลังใจกับดนตรี การเรียนของเขาก็ไม่ดี สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด จึงต้องมาช่วยงานที่บ้าน แต่ Yoshiki โทร.มาติดต่อกับ Hide และดึงตัวเขาเข้าวง X และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่าง...
เช้าวันเสาร์ที่ 2 พฤษจิกายน 1998 เวลา 7.30 น. แฟนของเขาได้มาพบเขาที่แมนชั่นในสภาพหมดสติ ที่คอของเขาใช้ผ้าเช็ดตัวรัดคอ และแขวนกับลูกบิดประตู เธอจึงรีบส่งเข้าโรงพยาบาล แต่ไม่ทันเขาก็หมดลมหายใจไปเสียแล้ว ผลการชันสูตรพบว่าเขามีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายมากเกินไป จึงทำอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นมา ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้เพราะงานเพลงของเขาก็ประสบความสำเร็จดีอยู่แล้ว แต่นักจิตวิทยาบอกว่า อาจเป็นอาการเอเลเพนอล หรือโรคนอนละเมอ จึงทำให้ทำอะไรที่ผิดไปจากธรรมดาโดยไม่รู้ตัวศพของเขาจัดขึ้นที่วัด Chikuchihongangi มีแฟนเพลงกว่า 12,000 มารวมแสดงความอาลัย สถานที่ฝังศพก็คือที่บ้านเกิดของเขาเอง ส่วนอัฐิได้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเก็บไว้ อีกส่วนนำไปลอยที่ทะเลสาบ Satamonika,LA.ตามความต้องการของเขาแม้ตอนนี้เขาได้จากไปแล้ว แต่ชื่อและความดีของเขาก็ยังคงอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน....
       และอันนี้เป็นเรื่องราวของ ฮิเดะ วันที่ 2 พฤษภาคม 2541 Hide ได้จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ... เช้าวันนั้นเขากลับจากการไปดื่มเหล้ากับน้องชาย และเพื่อน ๆ พอกลับไปถึงห้องนอน แฟนสาวของเขาได้พบ Hide นอนอยู่ในสภาพคอห้อยอยู่กับผ้าขนหนู ซึ่งคล้องกับลูกบิดประตู ในขณะนั้น Hide ยังมีลมหายใจอยู่ เธอจึงรีบส่งไปร.พ. แต่ไม่ทันเสียแล้ว สมองได้ตายไปแล้ว เนื่องจากขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ในห้องของเขาไม่พบจดหมายหรือหลักฐานใดๆ เลย สรุปเบื้องต้นคาดว่าเป็นการค่าตัวตาย และจากการชันสูตรพบว่าในร่างกายของเขามีปริมาณแอลกอฮอล์มากพอสมควร
         จึงเป็นที่สังเกตว่าคนที่เมาถึงขนาดนั้นไม่น่าจะมีสติลุกขึ้นมาทำอะไรได้ แต่ไม่น่าจะใช่การฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะดูไม่มีเหตุจูงใจที่ให้ทำอย่างนั้น เรื่อง นี้จึงยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่....
4 พฤษภาคม 2541 Yoshiki รีบเดินทางกลับจาก L.A. เพื่อเตรียมงานศพให้ Hide โดยในวันนั้นเขาได้กล่าวคำไว้อาลัยที่หน้าวัด ซึ่งจะใช้ทำ พิธีในวันที่ 7 ไว้ว่า "ผมช๊อคมากที่ทราบข่าวการตายของเขา ตอนนี้เขากำลังหลับใหลด้วยใบหน้าที่สวยงาม ผมพยายามจะปลุกเค้าให้ตื่นขึ้นหลายครั้ง แต่ เค้าก็ยังหลับนิ่งอยู่เหมือนเดิม ในบรรดาพวกเรา 5 คน Hide เป็นคนที่มีสติ และมักครุ่นคิดทุกสิ่ง ถึงแม้ว่าผมจะเป็นหัวหน้าวงก็ตาม แต่เขาก็เป็นคนที่ใจ
       เย็นที่สุด ซึ่งให้คำแนะนำที่ดีกับผม ช่วงเวลาที่ผมเสียใจ Hide จะโทร.มาหาผมเสมอ บางครั้งเขาจะทำตัวเหมือนรุ่นพี่ และน้องชาย พวกเราดื่มเหล้ากัน และก็ทะเลาะกันบ้าง แต่เขายังขอโทษผมทุกครั้งที่ทะเลาะกัน แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาพูดอะไรกับผมอีก ... ขอให้ทุกคนส่งใจให้เขาที่หลับอย่างสงบตลอดไป..." Yoshiki พูดไปพร้อมเช็ดน้ำตา หน้าก็ซีด มือที่ถึอโพยอยู่ก็สั่น เค้าอาจพูดออกมาด้วยใจจริง
7 พฤษภาคม 2541 มีการจัดพิธีให้ Hide อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ โดยมี Yoshiki เป็นเจ้าภาพ ในงานมีแฟนเพลงหลั่งไหลกันมาร่วมงาน ต่างก็ร้องไห้ เศร้าเสียใจ ถึงกับเป็นลมเลยก็มี วันนั้นอดีตสมาชิกวง X japan มากันครบทุกคน Toshi ได้ร้องเพลง Foever Love โดยมี Yoshiki เล่นเปียโน สมาชิกวง Luna sea และ Glay ก็มาร่วมงานนี้ด้วย เนื่องจากมีความนับถือ Hide มาก และแสดงความขอบคุณที่เคยแต่งเพลงให้พวกเค้า บรรยากาศในงานนั้นเศร้าสลด...

=======================================================================

Pata
Pata


ชื่อจริง      :  Tomoaki Ishisuka
เกิดวันที่    :  4 พฤษจิกายน 1965 
จังหวัด      :  ชิบะ 
กรุ๊ปเลือด  :  B
ตำแหน่ง    :  Guitar

         PATA เป็นชื่อเล่นที่ได้มาจากการ์ตูนเรื่อง PATARIO เจ้าชายเมือง BANCORAN ชื่อนี้เป็นชื่อที่เรียกกันมาถึงทุกวันนี้ บางทีเขาก็ถูก HIDE เรียกว่า เจ้าชายผมแดง PATA เป็นคนเงียบๆ ง่ายๆ สบายๆ ทำอะไรใน STYLE ของตัวเอง ในตอนเด็ก เขาก็เป็นเด็กเรียนหนังสือเก่ง คะแนนจะอยู่ 1 ใน 10 ตลอด โดยเฉพาะคณิตศาสตร์จะถนัดมาก เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้เก่งอะไรแค่ไป ร.ร.ทุกวัน
           ตอนอนุบาลเรียนออร์แกน แต่เกลียดการซ้อมโน๊ตด้วยแม็กเน็ตลงบน 5 เส้น เลยเลิกเรียนภายใน 4-5 ครั้ง ชั้นประถมก็เรียนวาดภาพ ป.4 ได้รางวัลประเภทภาพสีน้ำของเมืองชิบะ ขึ้นม.ต้นก็เรียนวาดภาพสีน้ำมัน แต่พอโตขึ้นเขากลับบอกว่าไม่ถนัดวาดรูปเลย เขาไม่ค่อยชอบกีฬาแต่เพื่อนรอบข้างจะเล่นกัน เขาเลยเล่นฟุตบอลนิดหน่อย เข้าสังกัดชมรมเทนนิสตอนม.ต้น พอ ม.2 ก็ได้เป็นนักกีฬาตัวจริง สาเหตุที่เริ่มเล่นเทนนิสก็เพราะเขาติดการ์ตูน (ผู้หญิง) เรื่อง ACE O NERAEI เขาชอบอ่านการ์ตูน ของสะสมของเขาก็คือหนังสือการ์ตูน เขาไป ร.ร.จริงจังจนถึง ม.1 เท่านั้น หลังจากนั้นก็เริ่มขาดเรียนบ่อยๆ และพอ ม.3 ก็ไม่ได้ไป ร.ร.เลย เขายอมรับว่าเขาเป็นเด็กที่เกลียด ร.ร.มาก ไม่ใช่เพราะถูกรังแกหรือเกลียดการเรียน แต่เขารำคาญการที่ต้องไป ร.ร. เพราะร.ร.เดิมของเขานั้นเดินจากบ้านแค่ 10 นาทีเท่านั้น แต่ ร.ร. ม.ปลายต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 1.30 ชม. ทำให้เขาเริ่มที่จะไม่ไป เขาหมกตัวอยู่ในบ้านเพื่อดีดกีตาร์ทั้งวัน ตอนกลางคืนก็จะฟังรายการเพลงต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลทางด้านดนตรีทั้งหมด เขาเริ่มฟังดนตรีมาตั้งแต่ ป.4 ดนตรีแรกที่สัมผัสคือ เพลงของ THE BEATLES ที่พี่ชายของเพื่อนเอามาให้ฟัง จากนั้นก็ชอบ KISS, AERO SMITH และวง ROCK ต่างๆ เช่น CHEAP TRICK เป็นต้น แต่ที่สร้างความประทับใจให้เขามาที่สุดในตอนนั้นคือ ริค นิลเซน มือกีตาร์วง CHEAP TRICK เขาชอบความเท่ห์ของริคทำให้เขาเริ่มซ้อมกีตาร์โฟลกของน้องสาว จากนั้นก็ชอบ ริช แบล็คมอร์ (DEEP PURPLE-RAIN BOW) ทำให้เขากลายเป็นหนุ่ม HARD ROCK เขาไม่มีโอกาสโชว์ฝีมือทางกีตาร์ เพราะเขาไม่มีเพื่อนที่ตีกลองได้เลยทำให้ตั้งวงไม่ได้ เขาจึงได้แต่ซ้อมกีตาร์กับเพื่อนนิดหน่อยเท่านั้น หลังเข้าเรียนชั้น ม.ปลาย ก็เริ่มตั้งวงกับเพื่อนที่รู้จักที่ร้านขายเครื่องดนตรี และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาได้ค่อยได้ไป ร.ร. ในงาน ร.ร.ฤดูใบไม้ร่วง เขาพาวงดนตรีของเขามาร่วมงาน ชายคนที่ไม่ค่อยมา ร.ร.แต่มาปรากฏตัวบนเวที มีเทคนิคกีตาร์เกินกว่าเด็กชั้น ม.ปลาย ทำให้เพื่อนๆ สนใจ เขาจึงกลายเป็นฮีโร่ภายใน 1 วัน หลังจากนั้นเขาก็ไม่ไป ร.ร.อีกเลย
           วงที่เข้าร่วมชื่อ BLACK ROSE เขาได้ดูการแสดงบนเวทีของ X ในการแข่งขันของชิบะ ในตอนนั้น TOSHI ยังผมสั้นอยู่ YOSHIKI ก็หน้าแก่จนคิดไม่ถึงว่าเป็นเด็ก ม.ปลาย หลังจากนั้นเขาก็ย้ายมาอยู่วง JUDY แสดงที่ LIVE HOUSE ในโตเกียว จึงทำให้เริ่มสนิทกับ TOSHI และ YOSHIKI ในที่สุดวง JUDY ก็แยกตัวกันไป PATA ก็ไปทำงานพิเศษ ในเวลานั้น YOSHIKI โทรมาหาและบอกว่า “คนเล่นกีตาร์ลาออกไปแล้ว ช่วยมาเล่นให้หน่อยได้มั้ย” เขาอยากเล่นกีตาร์มากจึง ตอบตกลงไปด้วยความดีใจ และนี่ก็เป็นเหตุให้เข้าร่วมวง X ได้ในที่สุด
         ทรงผมของ PATA ในตอนแรกๆ จะเป็นทรง MOHICAN (ไถ่ผมทั้ง 2 ข้างออกหมดยกเว้นตรงกลางแล้วตั้งขึ้นเหมือนนกหัวขวาน) ผู้ออกแบบทรงผมและสีผม (สีแดง) ก็คือ HIDE นั้นเอง PATA ยอมตัดผมทรงนี้เพราะไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร แต่ปัจจุบันก็ไว้ผมยาวหยิกเป็นลอนๆ ดูเท่ห์มากเวลาเล่นกีตาร์

=======================================================================
Taiji
Taiji
ชื่อจริง      :  Taiji Sawada
เกิดวันที่    :  12 กรกฎาคม 1966
เมือง         :  อิจิคาวะ
จังหวัด      ชิบะ
กรุ๊ปเลือด  :  B
ตำแหน่ง   :  Bass
             สมัยเด็ก เขาเป็นเด็กที่ซุกซนมาก มีแผลทั้งตัว เก่งด้านกีฬามาตั้งแต่เด็ก สมัยประถมก็เริ่มเล่นกีตาร์ของพ่อ พ่อจึงเป็นนักกีตาร์คนแรกสำหรับเขา เขาเริ่มมารู้จักกับดนตรีอย่างจริงจังเมื่อตอน ม.3เขาเริ่มตั้งวงดนตรีวงแรกที่มีชื่อว่า TRASH พอมีชื่อเสียงตามไลฟ์เฮาส์บ้าง ช่วงนั้นเค้ายังเล่นกีตาร์อยู่ หลังจากนั้นได้เข้าร่วมกับ DEMENTIA จึงเปลี่ยนไปเล่นเบส แต่ก็อยู่ได้ 1 ปี ก็ออกจากวง ในขณะที่หาวงใหม่อยู่นั้น โยชิกิ ก็โทรมาชวนเข้า X แต่ตอนนั้นชื่อเสียงของ X ไม่ค่อยจะดีนัก พอฟังเพลงของ X ก็รู้สึกปวดหัว เขาปฏิเสธไป แต่ก็สัญญากับโยชิกิว่าจะไปดื่มพนันกัน 1 ครั้ง ทาอิจิ มั่นใจในคอของตนเองมาก เขาบอกว่า “กินเหล้าโปจูได้ 40 แก้ว”  โยชิกิ ก็ได้แต่ “แฮะๆ เก่งนะ” ทาอิจิ ถึงกับฉุนทีเดียว ทั้ง 2 ไม่ชอบแพ้ใครเป็นที่สุด ทำให้การดวนเหล้าในครั้งนั้นน่ากลัวมาก ต่างฝ่ายต่างดื่มแบบไม่ลืมหูลืมตาเพราะกลัวแพ้ ระหว่างที่ทั้งคู่ดวลเหล้ากัน ทาอิจิ ที่ไม่สนใจร่วมวง จึงพูดเล่นๆ ว่า “ถ้าเปลี่ยนมือกีตาร์ ฉันเล่นให้ก็ได้” พวกเขาจึงไล่มือกีตาร์ออกจริงๆ
         ทาอิจิเป็นมือเบสของวง X ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2535 เขาได้ลาออกจากวง X เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2535 หลังจากออกไปก็ไปอยู่กับวง Loudness ระยะสั้นๆ แล้วเขาก็ตั้งวงใหม่ขึ้นชื่อ D.T.R (Dirty Trash Road) นิตยสารของญี่ปุ่นเคยจัดอันดับว่า ทาอิจิ เป็นมือเบสอันดับ 1 ของญี่ปุ่น แต่นอกจากฝีมือเบสแล้ว เขายังเล่นกีตาร์ไม่แพ้ใครเช่นกัน แม้แต่ฮิเดะ มือกีตาร์ของวง X Japan เองยังเคยกล่าวว่า เทคนิคทางกีตาร์ของทาอิจิยอดเยี่ยมกว่าของเขาอีก มันก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะอาจารย์สอนกีตาร์ของเขาคือ AKIRA TAKASAKI ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมือกีตาร์อันดับ 1 ของเอเชีย
          ประวัติทางดนตรีกับวงที่เค้าเคยเล่นจนถึง ปัจจุบัน : TRASH >>> Paula >>> DEMENTIA >>> DeadWire >>> X >>> LOUDNESS >>> D.T.R >>> Cloud Nine >>> OTOKAZE

=======================================================================
Heath

Heath

ชื่อจริง      :  Hiroshi Morie
เกิดวันที่    :  22 มกราคม 1968
จังหวัด   : เฮียวโงะ
กรุ๊ปเลือด  :  B
ตำแหน่ง   :  เบส



         HEATH เป็นคนเรียบร้อย ทำงานมีระเบียบแบบแผน รักความสะอาด เขาจะทำความสะอาดห้องและจัดโต๊ะของเขาให้สะอาดและเป็นระเบียบอยู่เสมอ ใจดี ชอบ take care คนอื่น แต่ 2 อันหลังเขาบอกว่าไม่ค่อยแสดงออก
           สิงหาคม 1992 X-Japan ประกาศตัวมือเบสคนใหม่ นั่นคือ HEATH ชายที่อายุน้อยที่สุดในวง ในตอนแรกเขาได้รับแรงกดดันมากทีเดียวเพราะความที่เป็นคนใหม่ อีกทั้งยังต้องเล่นในตำแหน่งของ TAIJI ที่มีเทคนิคและฝีมือดีมาก เขาต้องซ้อมหนักกับเพลงต่างๆ ของ X แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก TAIJI เป็นอย่างดี หลังจาก ART OF LIFE แล้ว เขาก็เป็นที่ยอมรับของแฟนๆ HEATH เป็นมือเบสของ X ตั้งแต่ปี 1992-1997

ประวัติในวงการ 1985 เข้าวง PARANOIA เป็นวงใต้ดินที่โอซาก้า

1986 เข้าวง MEDIA YOUTH เป็นวงใต้ดินที่โตเกียว
1991 ร่วมงาน EXTACY SUMMIT 1991
1992 เข้าวง X หลังจาก TAIJI ออกได้ 10 เดือน เพราะ HIDE โทรไปชวนให้มาช่วยเล่นให้ X ทำงานชิ้นแรกร่วมกับ X ; MINI ALBUM ART OF LIVE
22.2.1995 ออก MINI ALBUM & VDO. PACKAGE LIMITED SALES ( TOP 1 VDO. )
7.10.1996 ออก SINGLE แรก เมเคียวโนะ เลิฟเวอร์ เป็นเพลง ENDING ของการ์ตูนเรื่อง โคนันยอดนักสืบ
19.2.1997 ออก SINGLE ที่สองชื่อ TRAITOR ปัจจุบัน HEATH เปิดบริษัทชื่อ M 'S COMPANY ร่วมกับ TATSUYA พี่ชาย ตั้งอยู่ที่ตึก LEMONed ที่เดียวกับบริษัทของ HIDE
=======================================================================
Sugizo
Sugizo       On the first May an official announcement revealed that Sugizo was officially joining X Japan. It was stated that Sugizo joined rather as a 6th member instead of joining as a replacement for hide.
Born in 1969 in Hadano Japan, Sugizo is most known for his former band Luna Sea. Coming from a classical background in his childhood he formed the band Lunacy. They were discovered by hide at a live gig and later signed to Extasy Records. The band’s name was changed to Luna Sea.

      The band disbanded in 2000 and Sugizo persued his solo career. Solo projects were bands such as: Sugizo & The Spank Your Juice, Shag, his solo singles Super Love and Dear Life. In 2003 he released his second solo album C:lear, followed by forming the rock band Flare in 2004.
Sugizo is also one of the members of the superband S.K.I.N. He appeared with X Japan for the first time in March 2008 at their reunion concert.
In July 2008 Sugizo released his personal Best Of album summarizing his solo career called Cosmoscape. In December 2009 he went on tour in Europe with his band Juno Reactor

X-Japan Profiles

ประวัติ
X Japan (「エックス ジャパン」 ekkusu japan?) หรือ X (「エックス」 ekkusu?) วงดนตรีจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากได้ก่อตั้งวงมาเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยผู้ริเริ่มความคิดคือ โยชิกิ X Japan เป็นวงที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการเพลงของเพลงญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และเป็นวงที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนาน
วงได้เริ่มดำเนินตามแผนในปี พ.ศ. 2519 สมาชิกที่ร่วมก่อตั้งมี โทชิ (โทชิมิทสึ เดยาม่า) และ โยชิกิ ซึ่งพวกเขาอายุได้แค่ 12 ปีเท่านั้น ต่อมาปี พ.ศ. 2522 ได้ก่อตั้งวงชื่อว่า Noise ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น X ในปี พ.ศ. 2525
ต่อมาได้ออกซิงเกิ้ลแผ่นแรกของวงชื่อ "I'll kill you" (มิถุนายน พ.ศ. 2528) สมาชิกในยุคนั้นมี: โยชิกิ (กลอง, เปียโน), โทชิ (ร้องนำ), ยูจิ (กีตาร์), โทโมะ (กีตาร์), โทคุโอะ (เบส) ภายใต้สังกัดของตัวเองโดยขายได้ 10,000 แผ่น
เมษายนปี พ.ศ. 2529 ได้ออกซิงเกิ้ลที่ชื่อ オルガスム (Orgasm) สมาชิกในยุคที่ 7 นี้มี: โยชิกิ (กลอง, เปียโน), โทชิ (ร้องนำ), จุน (กีตาร์), ฮิคารุ (เบส) ช่วงนี้ ทาอิจิ ได้เข้ามาร่วมวงแล้วแต่ได้ขอออกจากวงชั่วคราว
พ.ศ. 2530 ได้สมาชิกที่ลงตัวอันประกอบไปด้วย โยชิกิ (กลอง, เปียโน), โทชิ (ร้องนำ), ฮิเดะ (กีตาร์), พาตะ (กีตาร์), ทาอิจิ (เบส) และหลังจากนั้นได้ออกวางจำหน่ายอัลบั้มอินดีย์อัลบั้มแรกชื่อ "Vanishing Vision" (14 เมษายน พ.ศ. 2531) ภายใต้สังกัดของตัวเอง (Extasy Record) โดยมียอดขายสูงสุดติดอันดับ 1 ในชาร์ทอินดีย์
สิงหาคม พ.ศ. 2531 ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหม่ Sony Record เพื่อเตรียมการเมเจอร์ เดบิวท์ 21 เมษายน พ.ศ. 2532 ได้ออกวางจำหน่าย อัลบั้ม เมเจอร์ เดบิวท์ ชื่ออัลบั้มว่า BLUE BLOOD
พ.ศ. 2535 X เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศญี่ปุ่น และพวกเขาเริ่มมีความคิดเข้าสู่ตลาดโลก ซึ่งขณะนั้นในสหรัฐอเมริกานั้นได้มีวงที่ชื่อ X อยู่แล้ว พวกเขาจังตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวงจาก X เป็น X Japan และช่วงนี้เองเป็นช่วงที่พวกเขาขาดมือเบส เนื่องจาก ทาอิจิ มือเบสคนเก่า ได้ออกจากวงไปแล้ว ในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2535 และก็ได้ ฮีท (ฺฮิโรชิ โมริเอะ) เข้ามาเป็นมือเบสคนใหม่ ส่วน ทาอิจินั้นหลังจากออกจากวง X ก็ได้ออกไปอยู่กับวง Loudness ซึ่งเป็นวงอาจารย์ของเขาเอง
4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 อัลบั้ม DAHLIA ออกวางจำหน่าย อัลบั้มนี้ออกวางจำหน่ายทั่วโลก ภายใต้สังกัด East West Japan
22 กันยายน พ.ศ. 2540 X Japan ประกาศยุบวงที่ตั้งมายาวนานถึง 15 ปี โดยประกาศการยุบวงที่โรงแรมมิยาโกะ ในการแถลงข่าวครั้งนี้มีสมาชิกที่มา 4 คน คือ โยชิกิ, ฮิเดะ, พาตะ และ ฮีท ส่วน โทชิ นั้นได้ลาออกจากวงไปตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า มีความแตกต่างทางด้านแนวความคิดทางด้านดนตรี X Japan ไม่สามารถเปลี่ยนนักร้องนำใหม่ได้เพราะส่วนใหญ่เพลงของ X Japan แต่งโดยใช้พื้นฐานเสียงของโทชิเป็นหลัก จากการพิจารณาของสมาชิกทุกคนที่เหลือในวงหลายครั้งจึงตัดสินใจประกาศยุบวง

การกลับมารวมวงใหม่

--------------------------------------------------------------------------------------------

ความเป็นมาของวง X-Japan ถ้าจะให้เริ่มก็ต้องอ่านตั้งแต่ประวัติของ Yoshiki หัวหน้าวงก่อนเลย อ่านประวัติของ Yoshiki ก็เหมือนกับได้อ่านประวัติวง X ไปในตัวเช่นกัน

Yoshiki เป็นเพื่อนกับ Toshi มาตั้งแต่เด็ก เรียนรร.เดียวกัน ตั้งแต่อนุบาล ม.ต้น จนถึง ม.ปลาย สมัยแรกๆ Yoshiki ไม่ยอมเปิดเผยประวัติส่วนตัวของเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง วันเดือนปีเกิด กรุ๊ปเลือด สถานที่เกิด เราจะระบุว่า X ตลอด นั่นเป็นนโยบายของเขาเอง Yoshiki มักพูดเสมอว่า "X" คือทุกสิ่งทุกอย่างของผม ประวัติของเขาจึงมีแต่ X เต็มไปหมด แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกับ Toshi จึงทำให้รู้ว่า เขาอายุเท่าไหร่ เกิดที่ไหน เหตุผลที่แท้จริงที่เขาไม่ยอมเปิดเผยวันเกิดนั้นก็เพราะว่า เขาจะรู้สึกเขินเมื่อถึงวันเกิดของเขาแล้วทุกคนแสดงความยินดี ทำให้ได้รู้ว่าเขาขี้อายมากๆ ชีวิตในวันเด็กนั้นมีอุบัติเหตุและเหตุการณ์มากมาย เช่น ในสมัยประถม เขาจะมีความทรงจำกับรพ.มากกว่ารร.เพราะป่วยเป็นโรคหืดหอบ(ปัจจุบันหายแล้ว)
เดินบนถนนกับแม่ก็ถูกมอเตอร์ไซด์ชน ข้ามทางม้าลายก็ถูกรถชน
Yoshiki เองยังพูดว่า "ดวงไม่ดีมันมาแรง" ในวันเกิดครบ 10 ขวบ ตอนที่เขาอยู่ ป.5 เขาได้รับกลองเป็นของขวัญวันเกิดจากแม่ ซึ่งปกติเขาจะได้รับเครื่องดนตรีเป็นของขวัญวันเกิดทุกปีจนถือเป็นธรรมเนียม หลังจากที่เขากลับบ้านก็พบกลองตั้งอยู่กลางห้องและตัวเขาเองก็ไม่เคยสนใจกลองมาก่อนเลย ที่ได้กลองเป็นของขวัญเพราะ พ่อของเขาอยากให้ตีกลองเป็นมือกลองที่ดีให้ได้ และตอนอายุ 5 ขวบ เขาก็ได้รับของขวัญเป็นเปียโน ตัวเขาเอง เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่ 5 ขวบ เพราะพ่อแม่อยากให้เขาเป็นนักเปียโน นอกจากเรียนเปียโนแล้ว ก็ให้เรียนคัดอักษร วาดภาพ ลูกคิด ภาษาอังกฤษ เรียงความ และการเรียนเปียโนเป็นสิ่งที่เขาเล่นติดต่อกันนานที่สุด แม้ระหว่างนั้นเลิกเล่นไปหลายครั้ง แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งเขาก็เริ่มหันมาดีดเปียโนใหม่ เมื่อเข้าเรียน ม.ต้น ร่างกายของเขาเริ่มแข็งแรงขึ้น และเข้าร่วมชมรมดนตรี เป็นชมรมที่มีชื่อเสียงมาก ชนะการประกวดได้อัดแผ่นเสียง Yoshiki เล่นทรัมเป็ต Toshiเล่นยูนิฟอเนี่ยม แต่ต่อมาเขาเริ่มรู้สึกว่าการเล่นเครื่องดนตรีเบาๆ เริ่มไม่เต็มอารมณ์ จึงหันมาเล่นกีฬา เขาเลือกเล่นฟุตบอล เขาอธิบายว่า "เพราะเป็นกีฬาที่เหมือนคนทะเลาะกัน" และอีกสาเหตุหนึ่งเพราะเขาอยากปล่อยพลังงาน แต่เล่นได้ไม่นานก็เลิกไป และเขามีความคิดที่จะตั้งวงดนตรีขึ้น โดย Yoshiki เล่นกลอง Toshi ยังไม่ได้เป็นนักร้องนำ แต่มีหน้าที่เล่นกีตาร์ Yoshiki เคยเข้าประกวดระหว่างห้องจนกลายเป็นฮีโร่ในห้องเรียนไป เพราะเป็นเด็กเกเรแต่กลับดีดเปีนโนได้อย่างสง่างาม ไม่เพียงแต่นักเรียน อาจารย์เองก็ตกใจและคิดไม่ถึง เขารู้สึกสะใจมาก ม.3 รร.ที่เขาเรียนแบ่งออกเป็น 2 รร. ตัว Yoshiki และ Toshi ถูกย้ายไปเรียนที่ใหม่ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ อยู่รร.เก่า เขาพบเพื่อนร่วมชั้นใหม่ คุณครูคนใหม่ ตึกเรียนใหม่ จึงทำให้เขาเริ่มเกเร สร้างปัญหามากมายให้คุณครูและรร.ใหม่ โดยปกติเขาก็ไม่ใช่เด็กเรียบร้อยอยู่แล้ว เขาจึงมีปัญหากับอาจารย์เป็นประจำ ย้อมสีผมตลอดถึงขนาดเคยโดนโกนหัวถึง3ครั้ง ชอบซิ่งมอเตอร์ไซด์และอาละวาดในรร.เป็นประจำ

หลังสิ้นสุดพิธีจบการศึกษาของชั้น ม.ต้น เขาถือดาบไม้ไปขอบคุณอาจารย์ที่ห้องพักอาจารย์ และเขาได้ทำลายตึกใหม่ อาคารต่างๆ จนพัง แต่ถึงกระนั้นเขาก็แตกต่างจากเด็กเกเรทั่วไป เพราะนิสัยที่ไม่ชอบยอมแพ้ใคร จึงทำให้เขาขยันเรียนกว่าเพื่อนๆ ทำให้คะแนนของเขาดีมาก Toshiก็เคยบอกว่า "Yoshikiเก่งทุกอย่าง เป็นเด็กเกเรที่หัวดี"เขาเป็นเด็กเกเรที่ใครๆ ก็รับมือไม่ไหว แต่คะแนนการเรียนของเขานั้นยอดเยี่ยมมากจนเพื่อนๆ อิจฉา สำหรับคุณครูแล้วไม่มีเด็กคนไหนที่ดูแลยากขนาดนี้อีกแล้ว Yoshiki เริ่มรู้จักกับดนตรีแนว Rockตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 และเขาก็รู้จักกับวง Kiss จากโปสเตอร์หน้าร้านขายเทป และพอรู้ว่า Kiss จะมาแสดง concert ที่ญี่ปุ่นจากหน้าหนังสือพิมพ์ จึงขอให้แม่พาไปดูและเป็นการดูการแสดงสดครั้งแรกของเขา และจากการที่เขาได้ดูการแสดงสดครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับอิทธิพลจากการแสดงบนเวทีของ Kiss และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาตั้งวงดนตรีขึ้น และเพื่อนที่จะคุยเรื่องนี้ได้ก็มีแต่ Toshi เท่านั้น ตอนที่เขาได้รับกลองเป็นของขวัญทำให้เขาอยากเป็นมือกลอง แม้ตอนนั้นจะเล่นเป็นแต่เปียโน แต่เขาก็มีความคิดที่จะนำไปใช้กับดนตรีแนว Rockและคิดจะตั้งวงอย่างจริงจัง เขาเป็นนักร้องนำโดยตีกลองไปด้วย แต่เสียงของเขาเปลี่ยนช้า ทำให้เวลาร้องเพลงก็จะถูกเพื่อนล้อว่า "เสียงเหมือนเด็กทารก น่ารักจัง" ทำให้เขาเลิกร้องเพลงไปเลย เขาเริ่มตั้งวงอย่างจริงจัง ก็ตอนอยู่ ม.1 เขาเป็นหัวหน้าวง ม.2 มีโอกาสแสดงบนเวทีในงานรร. และม.3 ก็ได้จัด concert โดยยืมศาลาประชาชนประจำเมือง ตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า "Noise" YoshikiและToshi เริ่มแสดงในสถานที่ต่างๆ มากขึ้นและเริ่มแสดง concertของตัวเอง นอกจากนั้นยังเข้าประกวดในงานต่างๆ ด้วย ชีวิตในวัยเรียนของเขาจะเล่นดนตรีเป็นส่วนใหญ่แต่เขาก็ยังเกเรเหมือนเดิม พอขึ้นชั้น ม.ปลาย การต่อต้านเริ่มรุนแรงขึ้น ตัวเขาเองบอกว่า "ชั้น ม.3,4,5 ทั้ง 3 ปี จบลงอย่างสมบูรณ์" ในตอนนั้นเขาไม่สนใจอะไร คิดแต่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าจะรอดจากการถูกไล่ออก แต่ก็ถูกพักการเรียนไปหลายครั้ง และก็เคยถูกตำรวจจับด้วย แต่พายุแห่งการต่อต้านเริ่มจางลงเมื่อใกล้จะจบชั้น ม.5 เมื่อเขาพบกับปัญหาเกี่ยวกับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย นอกจาก Yoshikiและ Toshi แล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ขอถอนตัวหมด เขาหาสมาชิกใหม่และเปลี่ยนชื่อวงใหม่ว่า "X" ที่เขาตั้งชื่อนี้เพราะเห็นว่าเป็นอักษรตัวเดียวจะสะดุดตามากกว่า เพราะตอนนั้นกำลังฮิตชื่อยาวๆ (ทีแรกเขาไม่จริงจังกับการใช้ชื่อนี้ แต่เพราะยังไม่รู้ว่าจะใช้ชื่ออะไรเลยใช้ไปพลางๆ ก่อนแล้วเกิดชอบใจก็เลยไม่ได้เปลี่ยน) นอกจากจะเล่นเพลงเลียนแบบ Iron Maiden แล้ว ก็เริ่มทำเพลงของตัวเองด้วย เพลง I'll kill you ที่พวกเรารู้จักกันก็เป็นเพลงที่แต่งตั้งแต่ในตอนนี้ด้วย แม้สมาชิกจะลาออกไปแต่ Yoshikiและ Toshi ก็เห็นว่าการทำวงต่อเป็นเรื่องสมควร ความหวังของเขาคือเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดนตรี เพราะเขาอยากเป็นนักเปียโน ก็คิดว่าถ้าไม่จริงจังคงไม่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยแน่นอน เขาซ้อมวันละ 6ชม. นิ้วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเปียโน ทำให้เขาต้องดูแลรักษานิ้วเป็นอย่างดี ขนาดล้มยังเอาเข่าลงแทนมือ แต่เรื่องตีกลองก็เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะครูสอนเปียโนจะดุเขาเรื่องแผลที่เกิดจากการตีกลอง แต่เขาก็ยังไม่ยอมทิ้งกลองระหว่างเล่นเปียโน ตอนนั้นเขาไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จกับวงดนตรีหรือการเป็นนักดนตรีแนว Rock ซึ่งทำให้ตัวเขาแปลกใจว่า "ตอนนั้นแม้จะถูกครูสอนเปียโนดุด่าเรื่องตีกลองแต่ก็ยังไม่เลิกตีกลอง" เขาขมักเขม้นกับการฝึกทำนอง ซอลเฟจู และคอลยู บูเก็น แต่ก็ยังเล่นกับวงดนตรีแต่เฉพาะช่วงที่ว่างเท่านั้น และ 1อาทิตย์ก่อนการสอบเข้า ก็ซ้อมหนัก แต่จู่ๆ ก่อนการสอบ 1 วัน เขาก็พูดขึ้นมากระทันหันว่า "จะเลิกสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย"

เขาบอกกับแม่ว่า "แม่ครับ ผมอยากเป็น ROCK STAR!" เป็นเรื่องที่ทันด่วน ทำให้คนรอบข้างและแม่ของเขาตกใจและสับสนไปตามๆ กัน แต่การตัดสินใจของเขาหนักแน่น ไม่ว่าใครจะหว่านล้อมยังไงก็ไม่สนใจ เขาเริ่มที่จะแต่งเพลงและเล่นเองอย่างอิสระ แต่เขาก็ยังมีความคิดที่ว่า "เพลงคลาสสิคเป็นการเลียนแบบเพลงคนอื่น" ในการประกวดตอน ม.6 Toshi ได้รับรางวัล Best Vocal และ Yoshiki ได้รับรางวัล Best Drum และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนั้น แถมยังรู้สึกว่าตัวเองอาจมีความสามารถที่ไม่จำกัด แฝงอยู่ด้วย(อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาใช้ชื่อวงว่า X เพราะเขาเคยบอกว่ามันหมายถึง ความไม่มีที่สิ้นสุดหรือ Infinity) เมื่อเขารู้สึกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดนตรีเพื่อเป็นนักดนตรีมันตัน ก็ทำให้ความฝันในการตั้งวง Rockในใจเขาเริ่มพองโตขึ้น การที่เขาล้มเลิกการเข้าเรียนต่อ เขาก็นัดแนะกับ Toshi ว่า "เอาวะไปตายเอาดาบหน้า กะว่าถ้าแม่ของเราด่าก็เก็บกระเป๋าก้าวลงบันไดไปโตเกียวเลย" ปรากฏว่าที่บ้านของทั้ง 2 ตกใจมาก แต่ก็ไม่ห้ามอะไร อยากไปนักก็ให้ไป ทั้ง 2 ก็ขึ้นรถไฟไปโตเกียวหลังจากที่เรียนจบม.6 เพื่อที่จะทำให้ X เจริญเติบโตขึ้น เขากับ Toshi เริ่มทำงานพิเศษพร้อมกับหาสมาชิกไปด้วย ทั้ง 2 เช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ด้วยกัน ทำงานพิเศษทุกอย่าง ไม่ว่าจะเสิร์ฟอาหารกวาด-ถูพื้นร้าน ระหว่างทำงาน ก็ทำเพลงไปเสนอค่ายเทปด้วย แต่เงินที่ได้มาก็ไม่พอใช้ ในที่สุดเขาก็เขียนจม.ไปขอตังค์แม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาก็ให้ Yoshiki ชอบสไตล์ผมและการแต่งหน้าแบบตนเอง ไม่เหมือนใคร ทรงผมของเขานั้นก่อนเข้าวงการคือ ผมตั้งแบบหอยเม่น และมักจะทำผมตั้งขึ้นเวทีอยู่เสมอ ตอนที่ X เปลี่ยนสมาชิกวง ทำให้แสดงดนตรีไม่ได้ เขาได้ไปช่วยวงอื่นตีกลอง ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาเลยขึ้นไปแสดงบนเวที ทั้งที่ผมตั้งแค่ครึ่งเดียว เมื่อตั้งผมครึ่งเดียวจึงแต่งหน้าซีกซ้ายและขวาไม่เหมือนกัน ครึ่งนึงเป็น Punk อีกครึ่งเป็น Heavy Metal มันแสดงถึง 2 บุคลิกในคนเดียว เจ้าตัวเองก็ชอบใจเอามาก สาเหตุที่ถูกใจมากที่สุดก็คือ ดูเด่นดีและไม่เหมือนใคร จากที่ต้องเปลี่ยนสมาชิกบ่อยๆ ทำให้ Yoshikiท้อแท้และพูดว่า "เลิกซะดีมั้ย" สมาชิกของ X ตอนนั้นมีแค่ Yoshikiและ Toshiเท่านั้น การซ้อมที่มีมือกลองและนักร้องนำนั้นทำไม่ได้ และคนที่เป็นกำลังใจให้ Yoshikiก็คือ Toshiนั่นเอง Toshiมักจะอยู่เคียงข้าง Yoshiki เสมอมา Toshiบอกว่าตอนนั้นรู้สึกว่าควรทำอะไรให้มันติดต่อกัน สมาชิกเปลี่ยนบ่อยมากถึงขนาดเคยคิดว่า "ถ้าเอาหินปาใส่นักดนตรีใน Harajuku คงจะถูกอดีตสมาชิกวง X สักคนหนึ่ง" ซึ่งหลังจากที่ Yoshiki สามารถทำให้ Taiji ยอมเข้าวงได้ก็เริ่มการแสดงสดอย่างจริงจัง แถมยังมีการอาละวาดบนเวที ล่างเวทีก็ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ในงานดื่มฉลองหลังเสร็จงาน ทั้งผู้เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง นักดนตรีและแฟนเพลงแน่นไปหมด จึงทะเลาะกันใหญ่เป็นประจำทุกวัน Yoshiki ชอบทำแก้วในร้านแตกหมดและชอบเหวี่ยงขวดเบียร์หลาย 10 ขวด จนเป็นข่าวลืออยู่เป็นประจำ เลยทำให้ร้านเหล้าห้ามไม่ให้เขาเข้ามากขึ้น ถึงขนาดที่ร้านเหล้าแถว Shibuya ต้องตรวจหาว่า " มีคุณ Yoshikiมาด้วยรึเปล่า" Yoshikiนั้น มีท่าทางยิ้มแย้มและสุขุมมากเหมือนเด็กหนุ่มที่น่ารัก ในเวลาพักผ่อนเขาเป็นคนร่าเริง พูดเก่งและเป็นมิตรมาก จากท่าทางการเดินเทเหล้าในสมาชิกวงดนตรีอื่นๆ ในวงเหล้านั้น ไม่มีท่าทีอันบ้าระห่ำที่ว่า "เป็นมือกลองที่พอเมาแล้วเหมือนสัตว์ประหลาดอาละวาด" หลงเหลืออยู่เลย มันแตกต่างจากคำเล่าลืออย่างสิ้นเชิง หน้าตาที่ล้างเครื่องสำอางค์ออกนั้นงดงามมากจริงๆ ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง เขาพูดถึง concert กลางแจ้งที่ Hibiya Toshiจะล้อ Yoshiki ว่า "ถ้าจะฆ่า Yoshiki ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ แค่ให้เล่นเพลงเร็วๆ ติดต่อกันก็พอแล้ว" ทำให้ Yoshiki ตอนพักหายใจแล้วพูดว่า "เมนูการแสดงกลางแจ้งมันสุดยอดแล้ว แต่มันอาจเป็นวันตายของผมก็ได้ครับ" Yoshikiมีดี 2ด้านคือ สามารถเล่นกลองหนักๆ ได้ เหมือนมนุษย์มหัศจรรย์และพลังในการ Solo กลองมันอัดแน่นมาก แต่ในทางกลับกันก็เล่นเปียโนได้อ่อนหวาน นับเป็นอะไรที่แปลกและน่าประทับใจจริงๆ และในเมื่อ X คือทุกสิ่งทุกอย่างของ Yoshiki ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ประวัติของเขาไม่ได้จบลงท้าย ด้วยคำพูดที่สวยงาม
1985แต่เดิมสมาชิกของ X นั้น นอกจาก Toshi กับ Yoshikiแล้ว สมาชิกคนอื่นจะเป็นสมาชิกขาจรทั้งนั้นในตอนนั้น X มีสมาชิกคือ Yoshiki(Drum), Toshi(Vocal),Yuji(Guitar), Tomo (Guitar),Tokuo(Bass)
- มิถุนายน ออกผลงานชิ้นแรกคือ Single:I'll kill you.ซึ่งเพลงนี้ก็ยังคงเป็นเพลงเด่นที่ใช้ในการแสดง Concertไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ปัจจุบันไม่สามารถหา Albumนี้ได้อีกแล้ว
- กรกฎาคม ทำเพลง 1 เพลง ใน Omnibus ชุด Album Heavy Metal Force 3 ถือว่าเป็นการเข้าร่วมงานกับ Majorเป็นครั้งแรก


1986
X ได้สมาชิกใหม่ คือ Taiji เข้าร่วมวง ในตำแหน่ง Bass จากนั้นก็เริ่มแสดงอย่างจริงจังยิ่งขึ้น
ความดุเดือดบนเวทีก็มีมากขึ้นพวกเขาทำลายของมากมายและบ่อยครั้งในขณะที่พวกเขาแสดง
ถึงขนาดทะเลาะกับคนดูตอนเล่นเพลงอยู่ก็มีแถมยังอาละวาดบนเวทีทำให้ได้ชื่อว่าเป็นวงมหัศจรรย์ แม้แต่ Hide ที่เคยดู concert ในฐานะคนดู ยังบอกว่า "เหมือนปิศาจอาละวาด" เพราะมีการโยนกีตาร์ ทำลายกลองชุด พังทลายทั้งหมด
- เมษาย販 ออกผลงานชิ้นที่ 2 คือ Single: Orgasm จัดจำหน่ายโดย Indies Label Extasy Record ที่ Yoshiki เป็นผู้ก่อตั้ง มีนโยบายที่ Yoshiki และเพื่อนๆ ริเริ่มว่า "อยากทำอะไรในแบบที่ตัวเองชอบ" ทุกอย่างจึงทำด้วยมือของเขาเอง เขาจะลองผิดลองถูก คิดว่า cd เทป และลงโฆษณา ควรจะทำยังไง พวกเขาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จนถึงการ pack ใส่ถุงส่งก็ทำกันเอง โฆษณาแปลกๆ ก็มาจากฝีมือของสมาชิกเอง สมาชิกตอนที่ออก Single: Orgasm มี 4 คน คือ Yoshiki(Drum),Toshi(Vocal),Jun(Guitar),Hikaru(Bass) ช่วงนั้น Taijiออกจากวงไปชั่วคราว หน้า A เพลงแรก คือ "Orgasm" เพลงที่ 2 คือ "Time Trip Loving"และเพลงแรกหน้า B คือ "X"

1987- กุมภาพันธ์ หลังจาก Taiji กลับมา สมาชิกหลักทั้ง 3 ก็เข้าร่วมผลงาน Omnibus Album ชุด Skull Trash Zone เมื่อ 3 คนรวมตัวกันได้ดีจึงต้องหานักกีตาร์สำหรับอัดแผ่น และผู้ที่ Yoshiki เลือกคือ Pata ในฐานะนักกีตาร์ผู้ช่วย ซึ่งรู้จักกันเมื่อ 1 ปีก่อน หลังจากที่เข้าวงการ X ก็ยังเปิดการแสดงสดต่อไปและอัดเพลง Stab me in the back และ No Connextion หลังจากนั้น X ก็ได้รับ Hide และ Isamu อดีตสมาชิกวง Saber Tiger มาร่วมวงอย่างเป็นทางการ จึงพูดได้ว่าเป็นวงที่มีนักกีตาร์ 2 คน ที่จริง Hide กับ Yoshiki รู้จักกันมานานแล้ว เพราะ Toshi กับ Yoshiki เคยไปดูการแสดงของวง Saber Tiger ทำให้เกิดความประทับใจในความเท่ห์ของ Hide และมั่นใจว่า "เขาเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักกีตาร์ของ X "ช่วงนั้น Saber Tiger ดังกว่าวงของ X หลายเท่า จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะดึงตัว Hide มาร่วมได้ แต่ Toshi กับ Yoshiki สาบานว่า "ต้องทำให้ X ดังยิ่งขึ้น แล้วดึงตัวเขามาร่วมให้ได้" และเมื่อได้ Hide มาร่วมวงด้วยจึงทำให้จัดการแสดงมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากนั้น Isamu ก็ประสบอุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาล จึงขอให้ Pata มาช่วยอีกครั้ง พอเล่น Live ไปหลายๆ ครั้งเข้า Pata ก็กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้สำหรับ X ไป
- ต้นปี 1987 X ได้สมาชิกที่ลงตัว คือ Yoshiki(Drum),Toshi(Vocal),Taiji(Bass),Hide(Guitar),Pata(Guitar) พวกเขาเล่น Live หลายต่อหลายแห่ง พร้อมๆ กับทำดนตรีของวงให้แน่น และเริ่มทำ VDO: X Clamation มี 3 เพลง คือ XClamation, Stab me in the back, Kurenai ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงพลังอันมหาศาลของพวกเขาในตอนนั้น สำหรับแฟนๆ เพื่อจะได้รู้จัก XVDO นั้นนอกจากพวกเขาจะทำเองแล้ว ยังแจกให้แฟนๆ ฟรีๆ ที่มาชม Concert นอกจากแฟนเพลงแล้ว ยังแจกให้วงการเพลงอีก 100 ม้วน การแจก VDO เป็นข่าวดังไปทั่ว ทำให้ชื่อเสียงของวงเป็นที่รู้จักขึ้น ความคิดนี้จะต้องเกิดตอนที่พวกเขาคุยล้อเล่นกันขณะเมาแน่นอน ในตอนนั้นพวกเขาไม่มีสำนักงานและบริษัทแผ่นเสียงที่สังกัดอยู่ ค่าใช้จ่ายจึงต้องออกกันเอง สมาชิกทุกคนพอได้รับคำสั่งว่า "พรุ่งนี้เอาเงินมาคนละ 2แสนเยน" ทุกคนก็รีบไปหาเงินกันใหญ่ นอกจากแสดง Concert แล้ว พวกเขายังรับ jobเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย ผลงานชิ้นนั้นไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีใครรู้เลยก็ว่าได้ งานนั้นคือ การเล่นเป็นตัวประกอบหนังเรื่อง "Tokyo Pop" เพียงฉากเดียว On Air ไม่ถึง 10 นาที Hide เคยพูดไว้ว่า "กิจกรรมของ X ในช่วงนั้นตั้งใจจะออก TV เพื่อการ promote แต่ไม่ค่อยได้รับการต้อนรับเท่าไหร่ ในช่วงนั้นมีคนต่อต้านมากกว่ายอมรับ เพราะทุกคนไม่เคยเห็นวงอย่างนี้มาก่อน ตอนออก TV ก็พูดจาตลก ทำให้คนดูรู้สึกแปลกใจมากกว่ายอมรับที่พวกผมเป็นอย่างนี้โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่จะไม่ชอบเอาซะเลย เพราะเกลียดวัยรุ่นที่แต่งตัวประหลาดอย่างพวกเขา เรียกว่ารับไม่ได้เลยล่ะ"

1988- 14 เมษายน ออก ALBUM: Vanishing Vision หลังออกจำหน่ายก็มียอดขายสูงสุดของ INDIES ถึง 3 แสนแผ่น ความสำเร็จของ ALBUM นี้เกิดจากแรงกายแรงใจของพวก เขาเองทั้งสิ้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นกลุ่มเป็นก้อนในฐานะวงดนตรีของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ที่ผ่านมาพวกเขามักจะถูกมองว่าเป็นพวกออกแนวอิโรติก จากการ ออก TV และการแสดงต่างๆ แต่พอออก Album ชุดนี้แล้ว พวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะและได้รับการชื่นชมว่า "เป็นแนวดนตรี Hard Rock ขนานแท้ ซึ่งมีรูปแบบดนตรีที่แน่นอน" ช่วงนั้น X มักจะร่วมแสดงสดกับวงดนตรีในสังกัด Extasy Record เช่น Ladies Room, G-Kill(ปัจจุบันคือ ZI:Kill),Tokyo Yankees อยู่บ่อยๆ พอตกดึกมักจะเจอพวกเขาหรือกลุ่ม Extasy ที่ร้านเหล้าย่าน Mekuro ในตอนนั้น X ชื่อดังในแง่ลบมาก พอดื่มเหล้าก็จะหาเรื่องอาละวาดและทะเลาะกันทันที มีร้านเหล้าที่ห้ามพวกเขาเข้าออกนับไม่ถ้วน และโดนต่อว่าว่า "หลังจาก X มาเยือนแล้ว ก็หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง" เลยทีเดียว ตอนนั้นพวกเขาอายุแค่ 20 ต้นๆ เท่านั้น คงเลือดร้อนและไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย
- พฤศจิ谭ายน พวกเขาได้แสดงในงาน All night rock event ชื่อ Street Fighting Man จัดขึ้นที่ MZA (ซึ่งในปัจจุบันไม่มีแล้ว) การแสดง Event ครั้งนี้เป็นการแสดงดนตรีตลอดทั้งคืน เริ่ม 3 ทุ่ม และจบลงตอน 7 โมงเช้าของวันต่อมา เป็น Event ที่ยิ่งใหญ่มาก วงที่ได้ขึ้นแสดงเป็นวง Rock ชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่น ได้แก่ Aathem, Dead End , D, Erlanger, Edvils, Gastang, G.D. Flickers, Fusty Nasty, Kinnikushojotai, Presence,Reaction,Ziggy และ X ครั้งนี้ X ได้เล่นเป็นวงแรกในฐานะที่เป็น "วงดนตรีหน้าใหม่ฝีมือไม่ดีนักที่ถูกคาดหวังในการดำเนินกิจกรรมต่อจากนี้ไปมากที่สุด" แต่แรงดึงดูดบนเวทีนั้นไม่น่าเชื่อว่าเป็นวงน้องใหม่เลย พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนดู และยังได้รับการชื่นชมว่า "เป็นวงดนตรีที่ถูกคาดหวังในการดำเนินกิจกรรมมากที่สุดในปี 1989" ช่วงเปลี่ยนวงหรือขณะแสดงนั้น ภายหลังเวทีพวกที่แสดงเสร็จแล้วจะนั่งล้อมวงดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสนานตัวตั้งตัวตีก็คือ Yoshiki และสมาชิกวง X นั่นเอง
1989- 16 มีนาคม พวกเขาได้จัด เดบิวต์ไลฟ์ที่ Shibuyakokaido เป็นการแสดงสดที่รุนแรงมาก พวกเขาจะเอา solo ของแต่ละคนมารวมกันในการเล่น concert ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว style การเล่นนั้นยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็เป็นโครงสร้างที่แสดงดนตรีต่อกันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเวลาหยุดพักหายใจกันเลย ความสมบูรณ์ของแต่ละเพลงนั้นยอดเยี่ยมมาก เพลงหนักๆ ก็จะเล่นรุนแรงไปเลย แสดงให้เห็นถึงพลังอันมหาศาล Melody line ก็จำง่ายและงดงาม โดยเฉพาะเพลงช้านั้นเป็นงานชิ้นเอกเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นวงเดียวกันกับตอนที่เล่นเพลงหนัก พวกเขาทั้ง 5 เมื่อได้แสดง concertบนเวทีก็ดูยิ่งใหญ่ เท่ห์อย่างไม่มีที่ติ ดนตรีหนักแต่ melodyสวย รุนแรงแต่งดงาม การตีกลอง 2กระเดือง เล่นกีตาร์คู่ ดีดช่วง solo พร้อมกัน เสียงเบสเป็น Hard Rockแต่ใช้ Shopper
- เมษายน ออก Album: Blue Blood เป็นเดบิวต์ Album อย่างเป็นทางการ การบันทึกเสียงโดยมีสมาชิกวงแบบนี้เป็นครั้งที่ 2 ต่อจาก Vanishing Vision การบันทึกเสียงครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มงวดและใช้เวลานานจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องใหม่ พวกเขาได้ทำการบันทึกเสียงจนถึงก่อนการแสดงสด 1 วัน เลยทีเดียว พวกเขาใช้ห้องอัดพร้อมกันถึง 3 แห่ง แห่งหนึ่งใช้อัดเสียงร้อง อีกแห่งใช้ทำ Track Down และอีกแห่งใช้ทำการซ้อมการแสดงสด พวกเขาทำการอัดเสียงที่ห้องอัดของ Sony ระหว่างการบันทึกเสียง Yoshiki ถึงกับต้องนอนที่โซฟาในห้องอัดเลยทีเดียวเพราะไม่มีเวลากลับบ้าน เรื่องที่บอกว่าการบันทึกเสียงของ X นั้นนานมากหรือการที่ Yoshiki จะทำดนตรีให้เป็นไปตามที่คิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
- 22 เมษายน Album : Blue Blood ก็ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มีทั้งหมด 12นาที ALBUM ชุดนี้ได้รวบรวม X อีกด้านหนึ่งไว้ และเป็นผลงานที่สมกับเป็นผลงานชิ้นเอกจริงๆ เพลงหนักๆ ทำให้รู้สึกเร้าใจ เพลงช้าก็ดูหนักแน่นและเจ็บปวด เป็น ALBUM ที่พวกเขาอยากจะสื่อถึงอารมณ์ดีใจ,โกรธ,เศร้า,สนุก เพลง Rose of pain ซึ่งให้วง Orchestra เต็มรูปแบบ 40 คนบรรเลง มีความยาว 11.49 นาที ให้ความรู้สึกดั่งละคร แสดงให้เห็นถึงความคลาสสิคของพวกเขาโดยเฉพาะ Yoshiki จุดสำคัญของ Album นี้คือ "X จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นมืออาชีพ" นั่นเป็นคำพูดที่สมาชิกในวงคิดขึ้นมาเอง แต่พวกเขาก็เปลี่ยนฉากของวงการอย่างหนักแน่นจริงๆ ในขณะที่เป็นวงดนตรีน้องใหม่ที่แต่งตัวกันสุดฤทธิ์สุดเดช ที่ไม่เคยมีมาก่อนในระดับมืออาชีพ Album นี้ขึ้นอันดับ 6 ของ Origon Chart ทันที ซึ่งการที่วง Rock ได้รับความนิยมในปี 1989 นั้นเป็นเรื่องแปลก ใครๆ ก็ตกตะลึง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เปลี่ยนจาก LPมาใช้ CD พอดี ดังนั้น X ก็เลยทำ LP เป็น 2 แผ่น ที่ไม่เหมือนใคร เปลี่ยนลำดับเพลง และใช้เพลงหน้า 1-3 เท่านั้น ออกจำหน่าย ซึ่งก็ขึ้น LP Chart อันดับ 1 ของ Origon ทันที หลังจากนั้น Album นี้ก็ยังคงขายดีเรื่อยมา ไม่ใช่แค่จะขายดีเท่านั้น จำนวนผู้มาดูการแสดงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Blue Blood Tour แสดงสดทั่วประเทศ 16 แห่ง เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม บัตรขายหมดทุกที่นั่ง ไม่ว่า X จะไปไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างร้อนแรง และได้รับการชื่นชมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวงการสื่อมวลชน พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับเช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีนักเขียนหลายๆ คนไม่ชอบพวกเขา เพราะคำเล่าลือของ X ในตอนนั้นน่ากลัวมาก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จจากการ Tour Concert พวกเขาก็ไปต่างประเทศเพื่อทำเพลง Yoshiki ไป London,New York, Paries ส่วน Toshi,Hide,Pata,Taiji ไป LA, New York ความจริง Yoshiki ไป London เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการบันทึกเสียงของ Dead. X ได้รับรางวัลนักร้องหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของ Nippon Yusentosho เป็นวงดนตรี HARD ROCK วงแรกของญึ่ปุ่นที่ได้รับการยอม รับจากคนทั่วไป รางวัลทั้ง 2 นั้น เป็นการรวบรวมผลจากการโหวตทางโทรศัพท์ทั่วประเทศ จึงหมายความว่าเพลงของ X เป็นเพลงที่ได้รับการโหวตมากที่สุดในบรรดาศิลปินทั้งหมดที่เดบิวต์ในปี 1989 และยังอยู่ในยอดขายอันดับ 1 ของ Single chart นักร้องหน้าใหม่ของ Chart Origon ประจำปี 1989 นั่นเอง จากการที่ X ได้รับรางวัลมากมายขนาดนี้ทำให้ Toshi พูดว่า "มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกคนชื่นชมเพลงของพวกเราเป็นจำนวนมากเลย ดีใจมากครับ" X ในตอนนั้นดูท่าทางจะไปได้อย่างราบรื่น แต่ก็ต้องมาเจอกับอุบัติเหตุครั้งใหญ่
- ในเดือน พฤศจิกายน พวกเขาเริ่ม Tour Concert ครั้งที่ 2 คือ Rose & Blood Tour ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน นอกจาก Hall จะใหญ่กว่าการ Tour ครั้งที่แล้ว บัตร Concert ยังขายหมดเกลี้ยงทุกที่นั่งอีกด้วย สมาชิกในวงคึกกันสุดฤทธิ์ การแสดงเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่แสดง จากการเล่น Concert หนักๆ ติดต่อกันนานๆ ทำให้ Yoshiki อ่อนล้ามากขึ้น ครั้งแรกที่มีการยกเลิก Concert คือที่ Fukuoka วันที่ 30 ตุลาคม สาเหตุเพราะโรคประจำตัวของ Yoshiki โรคหอบหืดเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น เขาไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล จนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน เขาสลบหลังจาก solo กลองเสร็จ ทำให้ Concert ต้องเลิกกลางคัน และเขาก็ได้ยกเลิก Concert จากนั้นอีกหลายแห่ง และวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันแรกของ Concert 2 วัน ที่ Shibuya หลังจากจบการแสดงแล้ว Yoshiki สลบในห้องพัก ถ้า Yoshiki ฝืนต่อไปอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตการเป็นมือกลองของเขา ในที่สุดพวกเขาจึงตกลงกันด้วยความลำบากใจ ยกเลิก Concert หลังจากนั้นทั้งหมดและเลื่อนเวลาออกไปที่ Shibuya ครั้งที่ 2 ในเดือน ธันวาคม บัตรขายหมดทุกที่นั่งอย่างรวดเร็วและอีกหลายแห่งในปีนั้น ต้องเลื่อนเวลาออกไปจนกว่าร่างกายของ Yoshiki จะกลับสู่สภาพเดิม โรคนั้นชื่อว่า "วงจรเส้นประสาทไร้สมรรถภาพ เนื่องจากการทำงานมากไป รวมทั้งโรคปวดหลัง" จากการให้สัมภาษณ์ของเขาเมื่อพูดถึงการเล่น Concert แล้วเป็นลมในครั้งนั้นเขาพูดว่า "เวลาที่ผมตีกลอง ความรู้สึกของผมอยู่ระหว่างความสบายใจกับความลำบาก บางครั้งสบายใจมาก บางครั้งลำบากมาก ผมคิดว่าเวลาที่ลืมความรู้สึกแบบนั้นได้ คือเวลาที่วิเศษมากที่สุด ผมเกลียดผมที่ยังมีแรงเดินกลับไปหลังเวที ฉะนั้นผมก็จะใช้แรงทั้งหมดจนเป็นลม อยากมี Concert ที่ดีที่สุดทุกครั้ง" "เวลาที่อยู่ใน concert ก็อย่างที่ผมบอก ถ้าไม่เต็ม 100 ละก็ผมจะเกลียดตัวเองมาก อย่างเวลาที่ solo กลอง ความรู้สึกเวลานั้นผมบอกตรงๆ ว่า ผมลืมหมดเป็นลมหลัง solo เสร็จ เล่นเอาทีมงานวุ่นวายไปหมด ทุกคนก็มีงานยุ่งจะตายอยู่แล้ว แล้วยังต้องมายุ่งกับผมอีก แต่ผมยืนคนเดียวไม่ไหวจริงๆ ต้องมีคนมาหิ้ว ความรู้สึกตอนนั้นมันหมดแล้ว Staff เองก็รู้ เฮ้ย! Yoshiki แย่แล้วนี่หว่า รีบมาช่วยยกหัวผมและเอาพัดลมมาให้ บางครั้งผมปางตายก็น็อคไป ถ้าผมกลับไปเล่นกลองต่อไม่ไหวจริงๆ Staff ต้องแอบบอก Hide ว่า "ยัง… ยังไม่ฟื้น! เล่นต่อ… เล่นต่อ!" (หัวเราะ)" จากบทสัมภาษณ์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า Yoshiki นั้นทุ่มเทให้กับการแสดง Concert มากก็เพื่อแฟนๆ เพลงของพวกเขา ในช่วงที่สภาพร่างกายของ Yoshiki ฟื้นดีขึ้นแล้ว พวกเขาก็ได้ประกาศตารางเวลาใหม่ของ Rose & Blood Tour ที่ถูกเลื่อนมาตลอด ในครั้งนี้สิ่งที่ทำให้ตกใจคือ การแสดงสดครั้งแรกของครั้งนี้คือ 14 กุมภาพันธ์ จัดการแสดงที่ Nippon Budohkan แต่เดิมการแสดงที่ Budokhan เป็นสิ่งที่เสริมเข้าไปในตารางเวลา ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนเมนูเพลงในแต่ละวันที่แสดง แต่การลื่นไหลนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ การแสดงสดของ X นั้น มีพลังอันแปลกประหลาด

1990
- 17 พฤษภาคม ก็เสร็จสิ้น Rose & Blood Tour ซี่งใช้เวลามานานกว่า 8 เดือน ที่ Osaka Jo Hall พวกเขาปิดฉากอย่างน่าประทับใจที่ Osaka หลังจากที่ Yoshiki สลบกลางงาน ถึงแม้ Tour Concert เสร็จสิ้นแล้ว แต่พวกเขาก็งานยุ่งเหมือนเดิมเพราะต้องถ่ายทำ VDO: Visual Shock VOL 2.5 พวกเขาอยู่ใน Studio ที่ Roppongi ติดต่อกันหลายวัน จนไม่สามารถปลีกตัวไปทำงานอื่นได้ จากนั้นพวกเขาก็ประกาศการเดินทางไป LA. เพื่อบันทึกเสียง Album ชุดที่ 2 ข่าวเริ่มเงียบหายไปจากสื่อต่างๆ เหลือไว้แต่คำพูดที่ว่า "จะไม่กลับญี่ปุ่นจนกว่าผลงานที่ยอมรับได้จะเสร็จ" แล้วสมาชิกทั้ง 5 ก็เดินทางไป LA,usa
- เดือนพฤศจิกายน การบันทึกเสียงของ X ในเวลานาน อย่าง Album Indies: Vanishing Vision ก็ใช้เวลาบันทึกเสียงทั้งหมด 300 ชม. ส่วน Album: Blue Blood ใช้เวลากว่า 2 เดือน ดังนั้น Album นี้ก็ไม่รู่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ก่อนไป X ก็ทิ้งผลงานไว้ชุดหนึ่งคือ Film Gig มันต่างจาก Film Concert ทั่วๆ ไป มีทั้ง Film Gig และ message จากสมาชิก ภาพถ่าย VTR ก่อนเดบิวต์ และภาพล่าสุดที่ Usa. ระบบเสียงและประสิทธิภาพนั้นเหมือนการแสดงสดจริงๆ ทำให้บรรยากาศครึกครื้น การแสดงดนตรีที่เหมือนมีพลังการแสดงสดจริงๆ ผู้ชมทั้งกรี๊ดและเต้นท่า Monkey Dance ในเพลง 20TH Century Boy ท่า X Jump ในเพลง X การร้องประสานเสียงในเพลง Endless Rain แฟนๆ มีปฏิกริยาโต้ตอบเหมือน X แสดงสดอยู่จริงๆ Film Concert ที่มี Encore นั้นก็ไม่มีใครทำนอกจาก X Film Concert สถานที่เปิดคือ Tokyo Bey NK Hall จุคนได้ถึง 8,000 คน ฉายทั้งหมด 3 ครั้ง วันที่ 8-9 ธันวาคม บัตรเข้าชมขายหมดอย่างรวดเร็ว รอบๆ Hall ก็จะมีผลิตภัณฑ์ของ X ขาย ทำให้แฟนๆ เพลิดเพลินและสนุกกับโลกของ X ก่อนเข้าชม Concert ด้วย ผู้เข้าชมทุกคนจะได้รับของขวัญเป็น CD single ใส่ในกระป๋องแบบพิเศษ ในนั้นมี CD ซึ่งมี message จากสมาชิกในวง ยาว 25 นาที กับเมล็ดของต้นสนดำพร้อมวิธีการปลูก ซึ่งภาวนาให้แฟนเพลงปลูกอย่างทะนุถนอม ในการ Tour Film Gig ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1991 แต่ของขวัญที่ได้จะเปลี่ยนสีกระป๋องจากดำเป็นแดงและเปลี่ยนเป็นเมล็ดต้นสนซีดาร์คิดะยาม่าแทน มันแสดงให้เห็นว่า การดูแลของ X ที่ใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย อยากให้แฟนเพลงดีใจ Tour Concert ครั้งนี้มี 33 แห่งทั่วประเทศ จนเข้าสู่ปี 1991 มันทำให้แฟนๆ คลายเหงาและคิดถึงไปได้มากทีเดียว
- ปลายปี 跱 1990 ที่ X ไม่อยู่ก็ได้รับรางวัลดนตรียอดเยี่ยม: Nippon Taisho, รางวัล Music VDO ยอดเยี่ยม และรางวัล: Nippon Gold Disc Taisho

1991- 7 พฤษภาคม ช่วง Golden Week ก็มีข่าวว่า X เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ LA (ทั้งๆ ที่มีกำหนดกลับญี่ปุ่นตอนต้นเดือนมิถุนายน) ทั้งหมด 3 ข่าว คือ การจัด Concert ที่ Tokyo Dome ในวันที่ 23 สิงหาคม 1991, Album 2ND : Jealousy จะจัดจำหน่ายในวันที่ 1 กรกฎาคม 1991 และ กลับญี่ปุ่นวันที่ 5 มิถุนายน นับเป็น idea ที่สมกับเป็น X ที่ชอบทำอะไรไม่เหมือนใคร การแถลงข่าวครั้งนี้มีสื่อมวลชนมากมายทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติ
- 5 มิถุนายน Hide,Pata และ Taiji ก็กลับมาตามกำหนด แฟนๆ ไปรอรับที่สนามบิน Narita มากที่สุดตั้งแต่สนามบินนี้เปิดทำการมา ส่วน Yoshiki และ Toshi ติดปัญหาในการบันทึกเสียงจึงต้องอยู่ต่อ เลยกลับในวันที่ 7 มิถุนายน และไปออกรายการ Music Station ต่อทันที วันต่อมาก็ทำการบันทึกเสียงเพลงสุดท้ายและเสียงเปียโนต่อ การผลิตขั้นสุดท้ายเสร็จภายในวันที่ 12 มิถุนายน
- 16 มิถุนายน จัดจำหน่ายบัตร Concert: Tokyo Dome จำนวน 50,000 ใบ ขายหมด ภายใน 2 ชม. เท่านั้น และจะ Tour Concert ทั่วประเทศ ชื่อว่า Violence In Jealousy Tour ~Yumenonakanidake Ikite~ ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน TV Sport ของ Album ที่มีฉากจูบของ Yoshiki ถูกฉายออก TV และ Album:Jealousy

ที่ห่างหายไป 2 ปี 2 เดือน ก็ขึ้นอันดับ 1 ของ Origon Chart ทันที แสดงให้เห็นถึงอำนาจมหาศาลของ X ได้เป็นอย่างดี Concert ที่ Tokyo Dome ประสบความสำเร็จกว่าที่คิดไว้มาก ในระหว่างตารางการแสดงนั้น คนดูทั้ง 50,000 คน ยืนดูตั้งแต่ต้นจนจบและส่งเสียงกรี๊ดตลอดเวลา เมื่อทุกคนทำ X Jump Tokyo Dome ถึงกับสั่นทีเดียว ความเป็น 1 เดียวบนเวทีกับพลังของคนดูอันร้อนแรง X กำลังไปได้อย่างสวยงาม
- 11 กันยายน ก็ออก Singleแรกของ Album: Silent Jealousy เป็นเพลงที่มีความเป็น X และเป็นเพลงเด่นที่มักจะใช้เปิด Concert บ่อยๆ
- 17-19 ตุลาคม 3 วันนี้ X จัด event ที่ Shinjuku Power Station โดยปลีกเวลามาทั้งที่ งานยุ่ง X มักจะโผล่ไปงาน event ต่างๆ เสมอ เช่น Extasy Summit ที่เป็นเจ้าภาพ และ event ของเพื่อนนักดนตรี ตอนนั้น Yoshikiกับ Hide พูดยืนยันว่า "พวกเราชอบฉลองหลังเสร็จงาน" พวกเขาชอบงานฉลองเอามากๆ 3 วันนี้ นอกจากจะมีนักดนตรีในสังกัด Extasy Record เช่น Luna Sea,Ladies Room, ZI :Kill แล้ว ยังมีเพื่อนนักดนตรีอย่าง Dynamite Tommy,By Sexual,Issay,Baki นอกจากนี้ยังมี Daimashim Gonin Gums ซึ่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เป็นประจำมาก รวมทั้งเพื่อนของสมาชิกในวงและ Staffมาร่วมแจมบนเวทีด้วย ทำให้งานครึกครื้น เมื่อเสร็จงานก็ต้องมีการเลี้ยงฉลอง สมาชิก X ดื่มเหล้ากับนักดนตรีด้วยกันยันสว่าง ตอนนั้นเขาชอบให้ทุกคนมาดื่มรวมกันและส่งเสียงดัง ตำนานนี้ปฏิบัติกันเรื่อยมาตั้งแต่สมัย Indies โดยไม่มีการเลี่ยนแปลงเลย แต่ในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากจัด eventไม่นานนัก Yoshiki ก็สลบในช่วง solo กลอง ใน concert ที่ Yokohama Arena ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของ tour ทำให้ concert ต้องหยุดกะทันหันและเลื่อนออกไป วันถัดมาก็ออก Single: Standing Sex นอกจากชื่อเพลงรุนแรงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากแล้ว ปก CD และโฆษณานั้น Yoshiki ก็ปรากฏด้วยร่างเปลือยเปล่า (Nude) เป็นที่ฮือฮามากในหมู่สื่อมวลชน
- 29 ตุลาคม พวกเขาได้จัด Extasy Summit ซึ่งเป็นงานของค่ายที่จัดมาตลอดตั้งแต่สมัย Indies ที่ Nippon Budokhan แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของวงดนตรีในสังกัด Extasy Yoshiki ปรากฏด้วยท่าทางที่แข็งแรง หลังจากที่สลบบนเวทีเมื่อ 1 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ เขาพูดถึงสภาพร่างกายของตัวเองและกล่าวขอโทษกับแฟนๆ นอกจากเป็นพิธีกรแล้วเขายัง Surprise แฟนๆ ด้วยการ ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาว Toshiและพิธีกรอีกคนก็ใส่ด้วย เป็นภาพที่เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ และทำให้ผู้เกี่ยวข้องตะลึงกับความตลกของพวกเขาเอามากๆ หลังจากนั้น 2 วัน Yoshiki ประกาศตั้งวง V2 ร่วมกับ Tetsuya Komuro สมาชิกวง TMN มกราคมปีถัดมาออก Single: Hatioku No Hitomi กับ VDO 1 ม้วน งานของวงจบลงแค่นี้ เพราะพวกเขางานยุ่งเกินคนธรรมดาทั้งคู่
- 4 พฤศจิกายน Yoshiki มีแผนการณ์จะจัดการแสดงเหตุการณ์จำลองปก CD:Jealousy ที่ Yokotengoku,Harajugu แต่เนื่องจากมีแฟนเพลงมารวมตัวกันกว่า 5,000 คน ก็เลยถูกตำรวจสั่งห้าม ทำให้ Yoshiki ซึ่งกำลังเตรียมตัวอยู่ใกล้ๆ เจ็บใจมากที่ถูกสั่งห้ามอยู่บนรถ
- 12-13 พฤศจิกายน การแสดงที่ Yokohama Arena จบลงโดยสวัสดิภาพ วันที่ 16 เดือนเดียวกัน ได้จัด concert อย่างกะทันหันโดยไม่มีการบอกล่วงหน้าที่ Live House Eggman ที่ Shibuya กลุ่มแฟนเพลงที่รู้การเคลื่อนไหวก็เกิดการแย่งชิงบัตรเข้าชมกัน การแสดงในเวลาอันสั้นแต่มีผู้เข้าชม 300 คนที่ได้ชมอย่างใกล้ชิดนั้นร้อนแรงกันมาก ภายในร้านร้อนขนาดหายใจแทบไม่ออก จากเหตุการณ์จราจลครั้งนี้ทำให้ Secret Live ที่ Live House ที่ Osaka และ Nagoya ถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย ต่อมาก็มีการแถลงข่าวจาก X ต่อสื่อมวลชนว่าจะแสดง Concert ที่ Tokyo Dome 3 วัน ในช่วงปีใหม่ การที่ศิลปินญี่ปุ่นแสดง Concert ที่ Tokyo Dome เป็นเวลา 3 วันนั้น มันหมายความว่า X ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของ J Rock มันเป็นความใฝ่ฝันที่จะได้ขึ้นเวทีที่ Tokyo Dome ตั้งแต่สมัยเป็นมือสมัครเล่นแล้ว และพวกเขาก็ประกาศอีกว่า เป้าหมายต่อไปที่พวกเขาคิดไว้คือ การก้าวออกสู่ตลาดโลก
- 1 ธันวาคม ออก Single: Say Anything เป็นเพลงช้าที่ได้รับความนิยมเป็นเวลานาน ทำให้ X ได้รับคำชื่นชมด้านรูปแบบดนตรีอย่างมาก ไม่มีใครว่าพวกเขาว่า "เป็นวงที่ไม่ได้เรื่อง ที่ดีแต่ฉูดฉาดกับรุนแรง อีกแล้ว การแสดงดนตรีร่วมกับวง Orchestra ลงใน Album ได้สร้างภาพลักษณ์ให้คนดูได้เห็นถึงความงดงามในการแต่งของท่วงทำนองเพลงที่เป็นสากลชัดเจนขึ้น
- 20 ธันวาคม จัด Film Gig ที่ Budokhan ซึ่งเป็นที่สุดท้ายของ Tour Concert: Violence In Jealousy Tour ที่เริ่มตั้งแต่สิงหาคมเป็นต้นมา การแสดงทั่วประเทศ 9 รอบ 15 แห่ง บัตรขายหมดเกลี้ยง รวมทั้ง event ในฤดูร้อนปีที่แล้ว มีคนดูรวมทั้งสิ้นกว่า 3 แสนคน แน่นอน บัตร Film Gig ขายหมด แต่เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่คือในช่วง Encore ครั้งที่ 2 นั้น ตัวจริงปรากฏบนเวทีและแสดงดนตรีให้ชม ซึ่งเป็นการแสดงความขอบคุณต่อแฟนเพลง
- ในวันส่งท้ายปีเก่า 1991<พวกเขาได้ร่วมมหกรรมขาวแดง(เป็นรายการที่ได้รับความนิยมจากคนทุกรุ่น) ของ NHK: Kohakuutagakusen เป็นครั้งแรก การทำผมตั้งและแต่งหน้านั้น เป็นเหตุการณ์ที่แปลกใหม่ที่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์วงการเพลงญี่ปุ่น พวกเขาสร้างแรงดึงดูดได้มากกว่าวงอื่นที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด หลังมหกรรมขาวแดงแล้ว


1992- 5-7 มกราคม X ได้จัด Concert ที่ Tokyo Dome ติดต่อกัน 3 วัน เมนูเพลงก็ต่างกันทั้ง 3 วัน วันที่ 5 เป็นการแสดงสดที่เชื่อมต่อจากการTour Concert ตั้งแต่ฤตูร้อนปีที่แล้ว วันที่ 6 เป็นการแสดงสดที่มีพลังมาก เน้นเพลงสมัย Indies ส่วนวันที่ 7 เป็นการแสดงที่น่าประทับใจและเสน่ห์ของ X แสดงยาวกว่า 4 ชม. ช่วง Encore สมาชิกทุกคนร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ สมาชิกทุกคนออกมาทักทายคนดูหลังจากจบการแสดงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้ง 5 คือ Yoshiki,Toshi,Hide,Pata,Taiji ที่ได้แสดงร่วมกัน
- 29 มกราคม มี fax จาก X ที่ส่งให้สื่อมวลชนต่างๆ ว่า "Taiji ลาออกจากวงแล้ว" ซึ่งไม่ได้แจ้งเหตุผลให้ฟังอย่างชัดเจน เพียงแต่เขียนไว้ว่า "Taiji กับพวกเรา 4 คนจะเดินไปยังคนละเป้าหมายกัน" พวกเขาเป็นวงที่ประสบความสำเร็จและยืนอยู่จุดสูงสุดของ J Rock การประกาศลาออกอย่างกะทันหันของ Taiji นั้น ทำให้แฟนเพลงและผู้เกี่ยวข้องตกตะลึง แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไป จะเริ่มเห็นวี่แววตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อ Taiji มีเวลาว่าง เขาได้ตั้งวงกับสมาชิกวง Londness และได้ขยายวงเพื่อนฝูงมากขึ้นเรื่อยๆ การแต่งหน้าและแฟชั่นก็เป็นชายมากขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนไปในรูปแบบของนักดนตรี Hard Rock ที่รุนแรงมากขึ้น ตอนที่เริ่มรู้สึกว่าความคิดทางด้านรูปแบบดนตรีและความคิดที่มีต่อวงนั้นเริ่มแตกต่างจากสมาชิกคนอื่นๆ Taiji ได้ขอเจรจากับหัวหน้าวง Yoshiki เกี่ยวกับเรื่องนี้ การเจรจามีขึ้นกลางดึกของวันที่ 31 ธันวาคม 1991 หรือเช้ามืดวันที่ 1 มกราคม 1992 เป็นการออกมหกรรมเพลงขาวแดงครั้งแรก และเป็นวงที่ประสบความสำเร็จ แต่กลับมีการเจรจาเกี่ยวกับการลาออกของ Taiji ซึ่งเท่ากับว่า ตอนที่แสดง Concert 3 วันที่ Tokyo Dome นั้นได้มีการกำหนดว่าเขาลาออกจากวงแล้วนั่นเอง ความตึงเครียดใน 3 วันนี้ ไม่ใช่แค่การแสดง 3 วันเท่านั้น เพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาถึง 6 ปี ตั้งแต่สมัย Indies นั้นจะออกจากวงไป โดยการแสดงครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้ว พวกเขาก็ทุ่มเทหลังเต็มที่กว่าที่ผ่านมา น้ำตาในช่วง Encore ของวันที่ 7 การทักทายคนดูหลังจากเสร็จการแสดงอันยาวนาน ทั้งหมดนั้นมากจากการลาออกของ Taiji หลังออกจาก X เขาก็เข้าร่วมวง Londness จากนั้นก็ตั้งวง D.T.R. (Dirty Trash Road) ซึ่งเขาเป็นหัวหน้าวง และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ครั้งหลังปี 1991 หลังจากออก Album:Jealousy และทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ก็ได้หยุดดำเนินกิจกรรมอีกครั้ง เก็บตัวเงียบ และเริ่มหาสมาชิกใหม่อย่างเงียบๆ แต่การหามือเบสที่จะมาแทนTaiji ซึ่งมีเทคนิคในการเล่นเบสยอดเยี่ยม และ X เป็นวงที่มีชื่อเสียงมาก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในวันหนึ่ง X จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ Rainbow Room ของ ร็อดเฟร่าเซนเตอร์,New York มีสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆทั่วโลกมารวมตัวกันกว่า 200 คน X ประกาศเซ็นสัญญากับค่าย Warner Music จากที่พวกเขาเคยพูดว่าจะก้าวออกสู่ตลาดโลกนั้น มันกลายเป็นจริงแล้ว ในขณะเดียวกันก็ประกาศเปลี่ยนชื่อวงจาก X เป็น "X JAPAN" เหตุผลเพราะว่า ที่ LA มีวงชื่อ X แล้ว เพื่อการดำเนินกิจกรรมอย่างกว้างขวางทั่วโลก พวกเขาก็เลยต้องเปลี่ยนชื่อวง การซักถามนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และเพื่อสื่อมวลชนของประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ก็ได้นำระบบการแปลโดยล่ามในขณะนั้นที่ใช้ในการประชุมระหว่างชาติมาใช้ Heath มือเบสคนใหม่ก็ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้กล่าวถึงประวัติก่อนหน้านั้นเลย แต่ Heath เคยเป็นนักดนตรีวง Indies ต่างๆ คือ Paranoid,Majestic Isabelle,Media Youth จริงๆ แล้วเขาเคยน่วมแสดงในวง Muteki Band (วงที่รวมกันหลายวง โดยมี X เป็นศูนย์กลาง) ในปี 1991 และเคยออก TV มาแล้ว เขาเคยดำเนินกิจกรรมในฐานะวง Indies มาก่อน ดังนั้น เขาจึงเคยพบปะกับ X และนักดนตรีของ Extasy ซึ่งกว่าจะได้รับเลือกให้เข้าวงนั้นได้มีการพิถีพิถัน และผู้ที่ได้รับเลือกว่าเหมาะสมที่จะเป็นสมาชิก X ก็คือ Heath ในตอนนั้น Hide ได้บอกถึงเหตุผลที่รับ Heath เข้าเป็นสมาชิกว่า ในตอนนั้นมีคนเก่งๆ เทคนิคเยี่ยมมาสมัครเป็นสมาชิกเยอะมาก Heath ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในนั้น แต่เพราะว่า Heath เป็นคนที่พัฒนาเร็ว จึงอาจทำให้ Heath ได้รับคัดเลือกก็ได้ และอาจเพราะ Heath สามารถเล่นดนตรีร่วมกับ X เข้ากันได้ดี ซึ่ง Hide เคยพูดไว้ว่า "เรื่องเข้ากันได้คือเรื่องสำคัญ ที่ว่าเข้ากันได้ไม่ได้หมายความว่า คนนั้นต้องมีประสบการณ์เพียบหรือเป็นมือโปร ไม่สนใจว่าคุณเคยเล่นดนตรีประเภทไหนมา เป็นใครก็ได้ เพียงแต่ต้องการคนที่เหมาะสมกับ X"
- 29 กรกฎาคม ก่อนจัดการแถลงข่าวครั้งนี้ 20 วัน ได้มีการจัด Talk Live ของ Yoshiki ที่ Nihon Budokhan เป็น event ที่รำลึกในการจัดจำหน่ายสมุดภาพของ Yoshiki แต่บัตรเข้าชมขายหมดภายในเวลา 4 นาทีเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้พบปะแฟนเพลงมานาน และแสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงที่ไม่เสื่อมคลาย วันนั้นได้บรรเลงเพลง Art Of Life เป็นครั้งแรก ร่วมกับวง Orchestra เพลงนี้มีความยาว 30 นาที ที่ Yoshiki แสดงให้เห็นถึงชีวิตของเขาเอง พอครึ่งหลังของเพลง Toshi,Hide,Pata ก็ปรากฏตัวบนเวที และแสดงดนตรีให้คนดูได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสหลังจากไม่ได้เห็นมากนาน
- 29 ตุลาคม X-Japan ก็จัดงาน Extasy Summit 92 อีกครั้ง ที่ Nihon Budokhan โดยมีสมาชิกครบวง วันที่ 29 ที่ผ่านมาก็ได้จัดงาน Summit ที่ Osaka Jo Hall แต่ Yoshiki ยังบันทึกเสียงไม่เสร็จ ยังไม่กลับจาก LA ก็เลยไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ Heath ซึ่งปรากฏตัวต่อหน้าแฟนเพลงนั้นได้รับเสียงเชียร์จากคนดู ทำให้เขาดีใจมาก เขายังไม่เคยแสดง concert ร่วมกับ X-Japan แต่เขาก็ได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงแล้ว
- วันส่貗ท้ายปีเก่า 1992 X-Japan ได้ร่วมมหกรรมเพลงขาวแดง เป็นครั้งที่ 2 พวกเขาเล่นเพลง Kurenai ทำให้แม้แต่แฟนเพลงเก่าแก่ตกตะลึง นอกจากนี้ Yoshiki ได้แต่งเพลง Tears ซึ่งเป็น Theme Song ของงานมหกรรมขาวแดงในปีนี้ เขาดีด Pipe Organ เอง ใน NHK Hall และผู้ร่วมงานทุกคนก็ร้องประสานเสียงกัน ทั้งนักร้องเพลงสมัยก่อนของญี่ปุ่น นักร้องวัยรุ่นที่มีชื่อเสียง ผู้มาร่วมงานทุกคนร้องเพลงที่ Yoshiki แต่ง ช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจและยิ่งใหญ่ พวกเขายืนหยัดอย่างมั่นคงในวงการเพลงญี่ปุ่น ตั้งแต่ออกรายการนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น ได้สร้างความประทับใจให้กับคนดูมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น Yoshikiกับ Hide ก็ตรงไปที่ Rokumeikan ทันที และร่วมงาน All Night Metal Party ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี และปิดฉากปี 1992 ลงอย่างสวยงาม

1993ครึ่งแรกของปี 1993 สมาชิกของ X ออก Solo Album กันทุกคนจึงทำให้งานของ X ในครึ่งปีแรกไม่ปรากฎ
- 26 พฤษภาคม ที่ได้ถ่ายทำ VDO ที่ใช้ทำ Film Gig ที่ Long Beach Arena, CA. โดยสร้างเวทีที่จุคนได้กว่าหมื่นคน พวกเขาแสดงทั้งหมด 17 เพลง รวมเพลง Art Of Life Film Gig ครั้งนี้ชื่อว่า "X Film Gigs 1993 Visual Shock Kougeki Saikai" แสดง 47 วัน 45 แห่งทั่วประเทศเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงเดือนกันยายน และครั้งนี้ก็มีของขวัญจากสมาชิกเช่นปีที่แล้วแต่เป็นถุงเล็กๆ ที่มี Logo X-Japan ข้างในมี CD Single ที่มี message จากสมาชิกในวง กับที่ห้อยคอ Back Stage Pass
- 25 สิงหาคม ระหว่างการ Tour Film Gig ในที่สุด Mini Album: Art Of Life ยาว 30 นาที ก็ได้ออกวางจำหน่าย Yoshiki เริ่มคิดที่จะทำเพลงนี้มาตั้งแต่ปี 90 เขาบอกว่าเพลงนี้ "ได้ประกาศตัวเองทั้งหมดออกมา" นอกจากนี้ยังเป็นการพิสูจน์ฝีมือ Heath มือเบสคนใหม่ได้เป็นอย่างดี และเขาก็ประสบความสำเร็จ
- ครึ่งหลังของเดือนกันยายน ได้เริ่ม Film Gig ภาคพิเศษแคมเปญที่จัดขึ้นโดยจะจับผู้โชคดีที่ได้บัตรเข้าชม โดยครั้งนี้มีผู้ร่วมชิงโชคถึง 6 แสนคน ใน Hall นั้น สมาชิกจะสลับกันปรากฏตัวอย่างเป็นความลับ Yoshiki ปรากฏตัวที่ Osaka โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า มันเป็นความต้องการของเขาเอง เขาอยากมาขอโทษแฟนๆ ที่งาน Extasy Summit ปีก่อนที่ไม่สามารถร่วมงานได้ ความอ่อนโยนของเขานั้นถึงกับทำให้แฟนๆ ใน Hall ร้องไห้กันเลย
- 14 ตุลาคม ออก Single:Tears เป็นเพลง Ballad ที่มีเนื้อหากินใจ นอกจากนี้ยังมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าจะจัดงาน Count Down Concert ที่ Tokyo Dome 2 วัน หลังจากที่ห่างหายจากTokyo Domeไปถึง 2 ปีเต็ม เป็น Concert ครั้งแรกหลังจากที่เปลี่ยนชื่อวงและได้สมาชิกคนใหม่ งานนี้นับว่า X-Japan เป็นวงแรกของญี่ปุ่นที่จัด Count Down Concert ขึ้น หลังงานแถลงข่าว สมาชิกทั้ง 5 เดินทางไปยังBodokhan ที่กำลังจัดแสดง Film Gig อยู่อย่างรีบด่วน พวกเขาได้ประกาศข่าวนี้ให้แฟนๆ ใน Hall ทราบ ช่วงปลายปี มีการนำตุ๊กตาหน้าตาน่ารักแบบการ์ตูนขนาด 20 ซม. ของสมาชิกทั้ง 5 ไปทำเป็น UFO Catcher ตาม Game Center ที่พวกเขานั้นเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยทิ้งความคิดอันยืดหยุ่นว่า ถ้าทำให้เป็นที่ยอมรับได้ล่ะก็จะยอมทำทุกอย่าง
- 21 ธันวาคม X-Japan ได้จัดจำหน่ายถุงยางอนามัยยี่ห้อ "X" เพื่อเป็นการรณรงค์ป้องกันโรค AIDS ในญี่ปุ่น ซึ่งในครั้งนี้ต้องคัดเลือกวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลกับคนหนุ่มสาวมากที่สุด ในวันแถลงข่าว Yoshikiและ Toshi ปรากฏตัวและพูดต่อต้าน AIDS ผ่านสื่อมวลชน สำหรับพวกเขาที่อาศัยที่อเมริกานั้น AIDS ไม่ใช่โรคไกลตัวเลย พวกเขาเคยพบเห็นมากับตัวเอง และได้พูดแสดงความคิดของตนที่มีต่อ AIDS อย่างจริงจัง
- 30-31 ธันวาคม X-Japan ได้จัด Concert ที่ Tokyo Dome พวกเขาเล่นเพลง Art Of Life ที่มีคนกล่าวกันว่าไม่มีทางเล่นได้ และเพลง Tears นอกนั้นยังมี Solo Concert ของแต่ละคน ในวันแรกนั้นระหว่างการแสดงสด Toshi ถูกกระสุนปืนยิงล้มลง พอปรากฏตัวอีกครั้งเขาเอาผมลง การแสดงในครั้งนั้นมีความหมายว่า Toshi คนที่ตั้งผมนั้นได้ตายไปแล้วและกลับมาเกิดใหม่ ตั้งแต่นั้นมา Toshi ก็เลิกตั้งผมและแต่งหน้าน้อยลงเรื่อยๆ
- 31 ธันวา&##3588;ม X-Japan ไปร่วมงานมหกรรมเพลงขาวแดงของ NHK และเล่นเพลง Tears จากนั้นก็ไปแสดงต่อที่ Tokyo Domeต่อทันที และจัด Count Down Concert ตั้งแต่ 3 ทุ่มจนเข้าปีใหม่ คือระหว่างการเล่นเพลง X ในช่วง Encore สมาชิกทุกคนใส่เสื้อคลุมกิโมโน และนับวินาทีให้เข้ากับเข็มนาฬิกาฉลองต้อนรับปีใหม่ร่วมกับคนดูทั้ง Tokyo Domeหลังจากนั้นเพลง X ที่เล่นทิ้งไว้ครึ่งๆ กลางๆ ก็ถูกเล่นต่อ แต่เนื่องจากคนทั้ง 5 หมื่นคนทำ X Jumpทำให้คนแถวๆ นั้นคิดว่าเกิดแผ่นดินไหวจนถูกตำรวจต่อว่าเอาเลยทีเดียว


1994มิถุนายน ต้นสังกัดใหญ่ Platinum Records เรียกเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ X-Japan โดยมีผู้จัดจำหน่ายคือ Polygram H.K. ในปีนี้
X-Japan ลดกิจกรรมลง เพราะสมาชิกย้ายไปอยู่ที่ LA เพื่อทำการบันทึกเสียง อีกทั้งแต่ละคนก็ทุ่มเทให้กับงานเดี่ยวของตน แต่ทั้ง 5 ก็มาปรากฏตัวในงาน Aoniyoshi(The Great Music Experience) ใน event ที่จัดในลานวัด Todai,Tokyo งานนี้ George Martin ที่เคย Produce งานเดี่ยวของ Yoshiki เป็นคนวางแผนงาน และเป็นงานใหญ่ระดับโลกถ่ายทอดผ่านดาวเทียมที่พวก Bon Jovi, Bob Dylan, Inxs มาร่วมงาน Yoshiki ได้ร่วมเล่นเพลงกับ Roger Taylor ส่วน X-Japan ก็ได้เล่น 2 เพลง
- 10 กรกฎาคม ออก Single:Rusty Nail เข้า chart อันดับ 1 ทันที
- 21 พฤศจิกายน ได้มีการแถลงข่าวงาน Concert ที่ Tokyo Dome ในวันที่ 30-31 ธันวาคม และการเปิดงาน X-Japan Days ในสวนสนุก Kourakuen Yuenchi ตั้งแต่วันที่ 10-31 ธันวาคม มีพิพิธภัณฑ์ X-Japan และเครื่องเล่นต่างๆ ในวันหนึ่งหลังปิดสวนสนุกแล้ว สมาชิกทุกคนได้รับเชิญไปที่สวนสนุกนั้นและเล่นเครื่องเล่นตามใจชอบในสวนสนุกที่มีแต่พวกเขาเท่านั้น ภาพนั้นได้ออกอากาศทางรายการโทรทัศน์ ภาพของสมาชิกที่นั่งรถไฟเหาะ และไวกิ้งนั้นนั้นเหมือนพวกเขาได้กลับเป็นเด็กไร้เดียงสา สดชื่น หลังจากได้พักผ่อนแล้ว พวกเขาก็เริ่มซ้อมเพื่อ concert ที่ Tokyo Dome ในปลายปี บัตรขายหมดตั้งแต่วันที่เปิดขาย
- 29 ธันวาคม ซึ่งเป็นการซ้อมก่อนการแสดงจริง Yoshiki ตกเวทีจนต้องหามส่งโรงพยาบาล เขาบาดเจ็บหนัก ที่เส้นเอ็นแขนขวาฉีกและหมอสั่งให้พักรักษาตัวแต่เขาฝืนคำสั่ง กลับไปที่ Tokyo Dome และทำการซ้อมต่อไป นับเป็นข่าวพากหัวหนังสือพิมพ์ข่าวกีฬาในวันถัดมา แฟนๆที่เป็นห่วงอาการของ Yoshiki มารวมตัวกันที่ Tokyo Dome ตั้งแต่เช้า แต่ Yoshiki ได้แสดงการเล่นที่ทำให้ไม่รู้สึกอย่างนั้น เขาแสดงด้วยกำลังที่มีทั้งหมด หลัง World Anthem ก็เริ่มต้นด้วยเพลง Rusty Nail Concert 2 วันนี้จะมีชื่อของแต่ละวันคือ วันที่ 30 ชื่อ Aoiyoruวันที่ 31 ชื่อ Shiroiyoru ,Yoshiki บอกว่าไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ในวัน Aoiyoru สมาชิกก็แต่งตัวด้วยชุดสีน้ำเงิน Shiroiyoru ก็ใส่ชุดสีขาว และทั้ง 2 วันก็แสดงเพลงใหม่คือ Dahlia และ Scars On Melody และนับเป็นวันที่ HIDE ได้ปลุกความฝันของ เด็กน้อยคนหนึ่ง (Mayukochan) หลังจากนั้นเขาก็เป็นกำลังใจให้แก่กันและกันตลอดมา นอกจากนี้ยังได้แจก Demo Tape เพลงใหม่คือ Longing ให้แก่ผู้ชมทุกคนทั้ง 2 วัน ทั้งหมด 1 แสนคน ตาม Live House ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่การที่ X-Japan แจก Demo Tape ให้แก่คนดูนับเป็น ideaที่แปลกใหม่และทำให้ทุกคนตกตะลึง ทางบริษัทต้นสังกัดบอกว่า CD จะใช้ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแต่ Yoshikiอยากให้เป็น Demo Tape มาก จึงนับว่าเป็นของขวัญที่มาจาก Idea ของ Yoshiki ส่วนหน้า B เป็นการบันทึกสภาพตอนซ้อมแบบหยาบๆ โดยการเอา MIC วางบน AMP ใน Studio เท่านั้น เป็นเทปที่อัดตอน 2 เพลงใหม่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เนื้อเพลงยังไม่ได้แต่ง ตรงที่ Toshiร้องงึมงำๆ นั้นตลกมาก นอกจากนี้ก็มีเพลง Break The Darkness ที่เป็นเพลงหน้า B ของ Single ; I'll kill you. Single แรกของ X ที่ออกในปี 1985 บันทึกอย่างลับๆ แม้แต่ตรงนี้ก็ยังเต็มไปด้วยใจที่ขี้เล่นของพวกเขา หลังจบ Concert ในคืนวันที่ 31 พวกเขาก็ไปงานมหกรรมเพลงขาวแดงอีกเป็นครั้งที่ 4

1995
- 1 มกราคม Sony Record ได้ออก Album แสดงสดคู่ Hametsuni Mukatte 1992.1.7 Tokyo Dome Live
- 3 มกราคม สมาชิกทุกคนเดินทางไปอเมริกาเพื่อเข้า Studio เพื่อบันทึกเสียง Album ใหม่
- 27 กุมภาพันธ์ ได้ตั้ง X-Japan Racing Team ประกาศเข้าร่วม F-3000 ในการแข่งขันที่ Suzuka ทั้งๆ ที่ทุกคนอยู่อเมริกา
- 18-19 มีนาคม Yoshiki ได้เขียนคำว่า "Dahlia" ซึ่งเป็นชื่อ Album ใหม่ลงบนตัวรถ
- 1 สิงหาคม ออก Single: Longing Tagireta~Melody
- กันยายน ออก VDO Promote:Longing Tagireta~Melody Produce By David Linch Tour Concert ที่หายไปนานตั้งแต่ Violence In Jealousy Tour 1991
- ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน มีการแถลงข่าวที่ Yamagashi Sogo Sport Center ประกาศตาราง Tour Concert ทั่วประเทศ 9 แห่ง 15 รอบ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 1996 โดยรวมการแสดง 2 รอบที่ Tokyo Dome ด้วย แต่ตารางการ Tour ครั้งนี้มีระยะเว้นห่างกันพอสมควรทำให้เหตุการณืดำเนินไปด้วยดีตั้งแต่ต้นจนจบ Yoshiki ซึ่งเริ่ม Tour Concert ระหว่างการทำบันทึกเสียงอยู่นั้น เขาห่วงการบันทึกเสียงมาก หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ เขาบินกลับ LA ทันทีและหมกมุ่นอยู่กับการบันทึกเสียง ความเหนื่อยล้านั้นบั่นทอนสุขภาพเขาลงเรื่อยๆ
- 11 ตุลาคม เปิดนิทรรศการภาพถ่าย Kizutsukeatta Koto Bamo Kasaneta Namidama X-Japan และในเดือนเดียวกัน Segaจัดจำหน่ายแผ่น Game;Visual Shock 001 เป็น Game ที่นำเอา X-Japan ไปทำเป็น Game มีฉากของตัวสมาชิกเองและการแสดงอยู่มากมาย Game Fan ให้ความสนใจมากในคุณภาพที่สูงของมัน
- 11 ธันวาคม ออก Special Single: Longing~Setsubu No Yoru~ Yoshiki พูดใส่เข้าไปในทำนองเพลง
- 26 ธันวาคม ออก Single: Dahlia
- 30 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ Tokyo Dome การ Solo กลองในวันนี้ เขากับกลองชุดปรากฏบนแท่นที่ยกขึ้นที่สร้างไว้ตรงกลางที่นั่งบริเวณ Arena (ที่นั่งหน้าเวทีบนพื้น) แต่ช่วงที่ยกแท่นขึ้นเพียงเล็กน้อย ฐานของแท่นเกิดหัก Yoshiki ตกลงพื้นพร้อมกับกลองชุด แต่โชคดีที่มันยังไม่ได้ขึ้นไปสูงมาก ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แม้จะเกิดความผิดพลาดแต่ Show นั้นก็ประทับใจและน่าตื่นเต้นมาก

1996- 2 กุมภาพันธ์ ออก Album: B.O.X. (Best Of X) รวมเพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
- 11 มีนาคม Concert ที่ Nagoya Bainvow Hall การแสดงเลื่อนเพราะ Yoshiki เป็นลม
- 13 มีนาคม Yoshiki เป็นไส้เลื่อน หมอสั่งให้พักรักษาตัวและเขาต้องทำตามที่หมอสั่งอย่างเด็ดขาด ตารางการแสดงหลังจากวันนั้นถูกยกเลิกทั้งหมด เขากลับ LA เพื่อรักษาต่อจนหายและทำการบันทึกเสียงอีกครั้ง เขามุ่งมั่นกับการทำ Album ให้เสร็จสมบูรณ์
- มิถุนายน สมาชิกทุกคนเดินทางไปอัดเสียงที่ One On One Studio, LA
- 8 กรกฎาคม ออก Single: Forever Love ซึ่งเป็นเพลงประกอบการ์ตูนเรื่อง XClamp
- 26 สิงหาคม ออก Single ที่ 2 ของปี: Crucify My Love
- 4 พฤศจิกายน นอกจากจะเป็นวันเกิดของ Pata แล้ว ยังเป็นวันวางจำหน่าย Album4: Dahlia ที่แฟนๆ รอมานานหลังจากที่ผ่านการเลื่อนกำหนดวางจำหน่ายหลายต่อหลายครั้ง Dahlia เป็น Album ใหม่ที่ต่อจาก Album; Jealousy 1991 ที่ห่างกันนานถึง 5 ปี 4 เดือน และเป็นวันที่ Yoshiki บินมา Promote Album ที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังนำ MV เพลง Dahlia มาฉายเป็นที่แรก
- 18 พฤศจิกายน ออก Single:Scars
- 30-31 ธันวาคม Concert ที่ Tokyo Dome ในครั้งนี้เริ่มเปิดด้วย Amethyst และเป็นเสียง World Anthem ที่ใช้เป็นเสียงผู้หญิงเป็นครั้งแรก และต่อด้วย Rusty Nail แต่ Concert ครั้งนี้ Yoshiki ใช้ Corest(ที่พันคอ) พันรอบคอไว้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
1997-The Last Year- 19 กุมภาพันธ์ ออก VDO: Dahlia The VDO Visual Shock 5 Part 1,2
- 6 มีนาคม X-Japan จัดจำหน่ายแว่นกันแดดยี่ห้อ X-Japan มีทั้งหมด 5 Model ตาม Style ของสมาชิกทั้ง 5 คน โดยวางจำหน่ายกว่า 20 สาขาทั่วโลก ทั้ง USA(NY,LA),Canada,UK,France,Germany,Swisszerland,Belgium,Israel,Australia, Finland,Italy,South Africa,Thailand,Hong Kong,Singkapore,... แว่นตาของ X JAPAN จัดว่าเป็นแว่นที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดยี่ห้อหนึ่ง
- 22 กันยายน X-Japan ประกาศยุบวงที่ตั้งมา 15 ปี และเดบิวต์อย่างเป็นทางการมา 8 ปี โดยประกาศการยุบวงที่ Miyako Hotel ห้องทั้งห้องถูกตบแต่งด้วยสีขาว ในการแถลงข่าวครั้งนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4คน คือ Yoshiki,Hide,Pata,Heath ที่ขาด Toshi ไปเป็นเพราะเขาได้ลาออกจากวงไปตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา เหตุผลคือความแตกต่างทางด้านแนวความคิดทางด้านดนตรี แม้ว่าทุกคนในวงจะพยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้จากการลาออก แต่พวกเขาทั้ง 4 เคารพในการตัดสินใจของ Toshiและอนุญาตให้เขาลาออกอย่างเป็นทางการ X-Japan ไม่สามารถเปลี่ยนนักร้องนำใหม่ได้เพราะจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย เพราะส่วนใหญ่เพลงของ X-Japanแต่งโดยใช้พื้นฐานเสียงของ Toshi เป็นหลัก จากการพิจารณาของสมาชิกในวงหลายต่อหลายครั้งจึงตัดสินใจยุบวง แต่ยังคงจะออก Singleแผ่นสุดท้ายออกมา
- 15 ตุลาคม ออก Live Album: Live Live Live Tokyo Dome ตั้งแต่ปี 93-96
- 28 ตุลาคม ออก VDO:Dhlia Final 1996 3 ม้วน ภาพหน้าปก VDO แต่ละม้วนเมื่อนำ มาเรียงต่อกันจะเป็นภาพสมาชิกทั้ง 5 จับมือกัน ชูขึ้นหลังจากที่จบ concert
- 5 พฤศจิกายน ออก Album:Live Live Live Extra
- 17 ธันวาคม ออก Single:Forever Love Last Mix และ ALBUM: Ballad Collection
- 25 ธันวาคม ออก Single:X-Japan Single B.O.X. และอีก 2 Album คือ Dahlia(Analog LP) และ X-Japan Special B.O.X.
- 31 ธันวาคม มีการจัด Concert ครั้งสุดท้ายที่ Tokyo Dome เพียงรอบเดียวเท่านั้น และมีการแสดงเพลง The Last Song ครั้งนี้ถือว่าเป็น Home Ground ของพวกเขาก็ว่าได้ Scrip งานก็คล้ายๆ กับของปีที่แล้ว เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็เป็นของปีที่แล้ว Concert ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่เล็กที่สุดตั้งแต่ X-Japan ยืนอยู่บนเวทีที่ Tokyo Dome มา หลังจบ Concert สมาชิกทุกคนไปร่วมงานมหกรรมขาวแดงเป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากคืนนี้แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นตำนาน แม้ตอนนี้ X-Japan จะกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่แล้วก็ตาม แต่ความเป็น X จะคงอยู่ในใจสาวก X เช่นนี้ตลอดไป รวมทั้ง Hide ที่จากไปชั่วนิรันดร์ ่เขาก็จะยังคง อยู่ในใจพวกเราตลอดไป..

...เร็วๆนี้เราอาจมีโอกาสได้ชมผลงานของ เอีย โยชิกิอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว พ่วงรูปหล่อนามสวย GACKT...เนื้อความข่าวมีดังนี้ครับ...

...YOSHIKIxGackt จะมีผลงานร่วมกันในปี 2007!

+ ถูกประการออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ การร่วมงานกันของ YOSHIKI อดีตสมาชิกวง X Japan และ Gackt อดีตสมาชิกวงMALICE MIZER ที่กำลังประสบความสำเร็จกับการเป็นนักร้องเดี่ยว โดย YOSHIKIxGackt ได้ร่วมกันก่อตั้งวงใหม่ขึ้นมา และจะเริ่มมีผลงานออกมาให้ได้ฟังกันในปี 2007 ที่จะถึงนี้

โดยเมื่อ5-6ปี ก่อนหน้านี้ ในขณะที่Gackt อยู่ที่ลอสแองเจอลิส ทั้งคู่ก็ได้เริ่มไปมาหาสู่กัน โดยGackt นั้นถูกเชิญไปที่คฤหาสน์ของYOSHIKI บ่อยๆ และในปี 2002 ทั้งคู่ก็ได้คิดที่จะตั้งวงร่วมกัน จน 4 ปีผ่านไป ความคิดนี้ก็กำลังเป็นจริง โดยทั้งคู่จะเริ่มทำเพลงกันตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ จากนั้นในปี2007 จะเริ่มอัดเสียง และวางแผนการจัดLive Tour อีกด้วย..

...เครดิตเวป SONGJAPAN...ด้วยครับ
ต้นปี พ.ศ. 2550 โทชิ นักร้องนำ ได้ออกมายืนยันการกลับมารวมตัวกันใหม่ของ X Japan ผ่านทางหน้าเว็บของเขาและบนนิตยสารเล่มหนึ่ง[ต้องการแหล่งอ้างอิง] ส่วนการยืนยันจาก โยชิกิ หัวหน้าวงนั้น ยังไม่มีความแน่นอน เพราะทางโยชิกิยังคงเสียใจกับการตายของฮิเดะ และการแยกวงเมื่อสิบปีก่อน เขาเขียนในมายสเปซของเขาไว้เพียงว่า "ขอเวลาสักพัก"[1]

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2006/May/05

The Storys of Hide`

Hide(Hideo mutsumoto)เกิดวันที่ 13 ธันวาคม 1964 ที่จังหวัดคานางาว่า เค้ามักจะพูดถึงเรื่องสมัยเด็กว่า 'อ้วนเหมือนหมู' อยู่เสมอ ซึ่งในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เค้าก็ไม่ยอมแจกแจงเรื่องตอนที่อ้วน เกี่ยวกับเรื่องความทรงจำสมัยประถมนั้น เค้าก็มักพูดตัดบทแค่ว่า 'จำได้แค่ว่าอ้วนมากเท่านั้น' อ้วนถึงขนาดไหนไม่อาจกะได้เพราะไม่เคยเห็นรูป แต่เจ้าตัวบอกว่า 'เหมือนลูกโป่งเลย คิดว่าซัก 80 กิโลกรัมได้มั้ง' ดังนั้นคงอ้วนน่าดูเหมือนกัน
แต่นอกจากความอ้วนแล้ว เค้าก็เหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆไปและพ่อแม่ของเค้าก็ให้เค้าเรียนพวกทักษะพิเศษ และสิ่งที่เรียนนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆเลย เค้าเรียนทั้งการคัดลายมือ ลูกคิด เคนโด้ คาราเต้ และภาษาอังกฤษ ซึ่งเค้าเรียนตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นประถมจนกระทั่งจบม.ต้นเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ใช่ย่อยเลย ทุกวันหลังจากเลิกเรียนแล้ว ตารางเวลาก็จะถูกกำหนดไว้ ประมาณว่า 'วันนี้ไปเรียนนายนี่ พรุ่งนี้เรียนนายนี่' พ่อแม่อยากจะให้เค้าเรียนเปียโนด้วย แต่ฮิเดะไม่ชอบ เค้า พูดว่า 'ไม่ยอมเรียนเด็ดขาด' เกี่ยวกับเรื่องนั้นเค้าพูดว่า 'สิ่งที่เรียนในวัยเด็ก แทบจะไม่มีอะไรที่มาใช้ประโยชน์ในตอนนี้เลย แต่เปียโนเนี่ย ถ้าเรียนไว้ก็อาจจะเป็นประโยชน์ แต่ผมไม่ชอบไม่ยอมเรียนซะนี่' เขารู้สึกเจ็บใจมาก นอกจากนี้ตอนอยู่ชั้นป.4 เค้าเคยไปโฮมสเตย์ที่อเมริกา 1 เดือน ซึ่งนั่นก็เพราะพ่อแม่คิดว่า 'เพื่อให้เป็นคนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นนานาชาติในอนาคต' แต่พอถามถึงความทรงจำในตอนนั้น ก็ได้รับคำตอบแบบขำๆว่า 'จริงๆแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำมากที่สุด คือ พ่อแม่จับให้โกนผมหัวเกรียน โดยให้เหตุผลว่า ไปเมืองนอกทั้งที ต้องไม่มีเรื่องน่าอาย'แต่ในขณะที่เค้าเรียนพวกทักษะพิเศษมากมายขนาดนั้น แต่เค้าไม่เคยเรียนพิเศษเลย ถึงจะไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ก็พอเรียนได้เรื่อยๆ ทั้งเจ้าตัวกับพ่อแม่ไม่ค่อยใส่ใจกับการสอบเข้าซักเท่าไหร่ เค้าไม่ใสใจต่อการเรียนต่อซักเท่าไหร่ อย่างเช่น เรื่องที่เค้าไม่รู้ว่าโรงเรียนม.ปลายที่เค้าจะเข้าเรียนต่อนั้นเป็นโรงเรียนชายล้วน จนถึงวันสอบถึงได้รู้ หรือตอนสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย พอถูกถามว่า 'ทำไมถึงเลือกมหาลัยนี้' เค้าตอบว่า 'ไม่มีที่อื่นไปได้นอกจากที่นี่' ก็เลยตกสัมภาษณ์ไปโดยปริยาย จากเรื่องราวเหล่านี้ก็คงทำให้เข้าใจได้ดี
แล้วเค้าสนใจอะไรล่ะ?
สิ่งที่เค้าสนใจก็คือ ดนตรีร็อค ที่เค้าค้นพบตอนอยู่ชั้น ม.2 นั่นเอง ฮิเดะตอนอายุ 13 ขวบ ซึ่งเพื่อนของเค้าที่ดีดกีตาร์เป็น ได้เอาอัลบั้มชุด Alive ของ KISSมาให้ฟัง เป็นครั้งแรกที่เค้าได้รับการสั่นประสาทอย่างแรงตั้งแต่เกิดมา หลังจากนั้นเค้าก็เข้าสู่โลกของดนตรีร็อคอย่างจริงจัง เช็คเพลงต่างๆ โดยซื้อนิตยสารเป็นบ้าเป็นหลัง เขาสนใจตั้งแต่พวกวงฮาร์ดร็อคที่มีชื่อเสียงในตอนนั้น เช่น KISS , QUEEN เรท เซตเปริน จนถึงวงพั้งค์ เช่น JAPAN,SEX PISTOL,CLASHที่เป็รรูปแบบที่เค้าสนใจมาก เค้าสนใจดนตรีอย่างกว้างขวางโดยไม่เลือกรูปแบบ
เค้าถือไม้เทนนิสแทนกีตาร์ แล้วก็โพสต์ทำท่าหน้ากระจก จนเค้าได้ของจริงตอนอยู่ม.3 และกีตาร์ที่มีคนซื้อให้เค้านั้นเป็นรุ่น เรสโปล ของกิ๊ปสัน ซึ่งเป็นกีตาร์ที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดากีตาร์ด้วยกัน ในตอนนั้นไม่มีเด็กผู้ชายชั้น ม.ต้นที่มีกีตาร์กิ๊ปสันอยู่เลยนอกจากเค้า ดังนั้นคำล่ำลือที่ว่า เค้ามีกีตาร์กิ๊ปสันนั้น มันลือกันไปถึงเมืองข้างๆ และเพื่อนๆก็ตั้งฉายาให้ว่า 'กิ๊ปสัน'
ฮิเดะรอคอยอย่างสนุกสนานกับการตั้งวงดนตรีตอนขึ้นม.ปลายแล้ว แต่โรงเรียนที่เค้าเรียนต่อนั้น นอกจากจะเป็นชายล้วนแล้ว ยังเป็นโรงเรียนที่มีกฎข้อห้ามว่าห้ามเล่นกีตาร์ไฟฟ้า บันทึกอยู่ในสมุดบันทึกนักเรียนด้วย เค้าเข้าเรียนม.ปลายโดยตั้งใจแต่จะตั้งวงดนตรีอย่างเดียว ดังนั้นเค้าจึงช๊อคมาก เค้าซึ่งผิดหวังกับการตั้งวงที่โรงเรียน ก็เริ่มเข้าๆออกๆ ไลฟ์เฮาส์แถวๆบ้านเค้า และตั้งวงร่วมกับเพื่อนๆ ที่เจอกันที่นั่น แรกๆ เค้าดีใจมากกับการได้ตั้งวงดนตรี และเล่นดนตรีตามงานประจำปีของโรงเรียน แต่ต่อมา ฮิเดะก็เริ่มอยากตั้งวงดนตรีจริงๆจังๆกว่านั้นมากขึ้น และวงดนตรีที่เค้าก่อตั้งด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า 'เราจะต้องทำให้ยิ่งใหญ่' นั่นก็คือวง SAVER TIGER ซึ่งอยู่นานถึง 6 ปี เค้าเป็นหัวหน้าวงที่ว่านี้ และเนื่องจากเค้าต้องการดนตรีตามอุดมคติที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนสมาชิกในวงเป็นว่าเล่น เค้าเรียกการเปลี่ยนสมาชิกในวงอย่างคลื่นโหมกระหน่ำในตอนนั้นว่า 'กลวิธีตัดคออันน่ากลัว'วง SAVER TIGER ซึ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆนั้น ก็สามารถไปเล่นประจำที่ไลฟ์เฮาส์ในโตเกียว และมั่นคงอยู่ในตำแหน่งวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่และเท่ห์ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่วง X ก็เริ่มค่อยๆแสดงฝีมือมากขึ้นเรื่อยๆพอดี พอนึกถึงการเปลี่ยนสมาชิกในวงเป็นว่าเล่นที่ทำให้ Yoshiki ซึ่งเป็นหัวหน้าวงกลุ้มใจ ในฐานะหัวหน้าวงนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก สมาชิก เซ็ทสุดท้ายของ SAVER TIGER นั้น นอกจากฮิเดะแล้ว ก็มีนักร้องนำ คือ D'ERLANGER-DIE IN CRIES ซึ่งปัจจุบันคือ KYO เป็นศิลปินเดี่ยว มือกลองคือ D'ERIANGER~ZI:KILL ซึ่งปัจจุบันคือ TETSU แห่งวง CRAZE ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิของวงการร็อคทั้งนั้นฮิเดะได้ตัดสินใจตอนได้สมาชิกรุ่นสุดท้ายนี้ว่า 'ถ้าสมาชิกคนใดคนหนึ่งเลิกไป จะยุบวง SAVER TIGER ซะ' เค้ามีความรู้สึกอันหนักแน่นว่า 'ถ้าเป็นสมาชิกเซ็ทนี้คงจะไปได้ด้วยดี'แต่ในอีกด้านหนึ่ง คือ ตัวเค้าเองรู้สึกเหนื่อยล้ากับการเปลี่ยนสมาชิกวงหลายสิบครั้ง แต่ในที่สุด TEISU ก็ขอออกจากวงไป ฮิเดะก็เลยยุบวง SAVER TIGER และตัดสินใจว่าจะเป็นช่างเสริมสวย (ช่างตัดผม) ถึงแม้เพื่อนนักดนตรีจะห้ามเค้าอย่างไร เค้าก็ไม่เปลี่ยนใจในคืนวันหนึ่ง ซึ่งวันรุ่งขึ้นเค้าตั้งใจจะไปตัดผม จู่ๆ โยชิกิก็โทรมาหาฮิเดะ เค้าบอกว่า 'พรุ่งนี้จะไปตัดผมนะ' แต่โยชิกิพูดเพียงคำเดียวว่า 'มาเล่นดนตรีกับฉันอีกครั้งเถอะนะ' ในช่วงเวลานั้น ฮิเดะก็เลยเผลอตอบไปว่า 'ได้ซิ' กลับไป คนรอบข้างห้ามเค้ายังไงเค้าก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ แต่ทำไมเค้าถึงรับคำของโยชิกิอย่างง่ายดายขนาดนี้แล้วฮิเดะก็เข้าร่วมวง X ด้วยประการฉะนี้ ฮิเดะเริ่มงานในฐานะศิลปินเดี่ยวในปี 93 ด้วยซิงเกิ้ล Eye Love you และ 50% & 50% ที่ออกจำหน่ายในวันเดียวกันตามมาด้วย ซิงเกิ้ล DIVE และอัลบั้มแรก HIDE YOUR FACE ในเวลาต่อมา(1994) หลังจากนั้นก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ TELL ME MISERY,BEAUTY & STUPID, HIHO-GOODBYE , PSYENCE.จนกระทั่งเมื่อต้นปี ฮิเดะก็ออกซิงเกิ้ลล่าสุด ROCKET DIVE ในนามของ HIDE.With Spread Beaver และมีแผนที่จะออกซิงเกิ้ลในวันที่ 13 พค.ศกนี้(1998) เค้าเพิ่งบินกลับมาจาก L.A. เมื่อปลายเดือนเมษายน และเพิ่งไปอัดรายการ ROCKET PUNC ร่วมกับสมาชิก Spread Beaver
เหตุการณ์น่าเศร้า
เมื่อคืนวันที่ 1 พค.98 แล้วเค้าก็ไปกินดื่มกับทางวงและสต๊าฟต่อ จนถึงเวลา 6.00 น.ของวันที่ 2 พค.98 จนกระทั่งน้องชายของเค้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเค้าด้วยพาเค้ามาส่งบ้านในเวลา 6.30น.เวลา 7.40น. เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ในแมนชั่นเดียวกัน สังเกตถึงสิ่งผิดปกติ จึงเข้าไปดูในห้อง แล้วก็พบฮิเดะนอนหมดสติอยู่ที่พื้นห้อง ใช้ผ้าเช็ดตัวผูกคอตัวเองกับประตูห้องนอน เธอจึงรีบพาเค้าส่งโรงพยาบาล คณะแพทย์ได้พยายามแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตของเค้าไว้ได้
เค้าเสียชีวิตตอนเวลา 8.52น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม 1998 รวมอายุทั้งสิ้น 33 ปี 4 เดือน 18 วัน
วันที่ 7 พฤษภาคม 2541
ที่วัด Chikuji Hongan มีการจัดพิธีให้ Hide อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ โดยมี Yoshiki เป็นหัวแรงใหญ่ ในงาน มีแฟนเพลงหลั่งไหลกันมาร่วมงาน ต่างก็ร้องไห้ เศร้าเสียใจ ถึงกับเป็นลมไปในงานก็มี พวกเขามาก็เพื่อหวังว่าจะได้เห็น Hide เป็นครั้งสุดท้าย วันนั้นอดีตสมาชิกทุกคนของ X-Japan มากันพร้อมหน้า โดย Toshi ได้ร้องเพลง Forever Love เพื่อไว้อาลัยให้แก่ Hide โดยมี Yoshiki เล่นเปียโน คลอไป ด้วย นอกจากนี้ สมาชิกวง Luna Sea , Glay และ Shazna ก็ได้มาร่วมในงานนี้ด้วย เนื่องจากมีความนับถือในตัวของ Hide และแสดง ความขอบคุณที่เคยแต่งเพลงให้กับพวกเขา บรรยากาศในงานก็เศร้าสลด Hide เป็นนักดนตรีที่มีฝีมือมากดูจากภายนอกเหมือน เขาจะรุนแรง แต่เปล่าเลย เขายังได้ทำกิจกรรมที่เป็นการกุศลหลายๆอย่าง อ่านได้จากประวัติXทั้งยังช่วยตามหาความฝันของใครต่อใครหลายคนให้ฮึดสู้กับชีวิต ตอนนี้เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว หากแต่ชื่อของเขาจะยัง ประดับอยู่ในวงการเพลงต่อไปตราบนานเท่านาน
"หลังจากที่ X สลายวง เค้าคงเครียด เวลาดื่มเหล้ากันเค้าเคยพูดว่า 'ผมทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว' หรือ 'Ranking ของดนตรีไม่ถูกต้องเลย วงการเพลงญี่ปุ่นมีแต่ความสกปรก' " (จากคำบอกเล่าของผู้เกี่ยวข้องทางดนตรี)
ตามคำบอกเล่าของนักจิตวิทยาผู้หนึ่งกล่าวว่า การฆ่าตัวตายของฮิเดะนั้น อาจเกิดจากโรค 'นอนละเมอ'และโรคนี้อาจเป็นผลจากการมีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดสูงทำให้มึนเมาจนขาดสติยั้งคิด และทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อดื่มเหล้าเข้าไปมากๆ จะมีอาการเหมือนคนนอนละเมอทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่ เมื่อปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงหรือสร่างเมาก็จะตื่นขึ้น เหมือนคนตื่นจากการนอนหลับและจะจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานข้อหนึ่งเท่านั้น
คำอาลัยของYoshiki ในงาน -
"ผมช็อคมากที่ทราบข่าวการตายของเค้า ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันได้เกิดขึ้น ตอนนี้ เค้ากำลังหลับไหลด้วยใบหน้า ที่สวยงาม ผมพยายามจะปลุกเค้าให้ตื่นขึ้นหลายต่อหลายครั้ง แต่เค้าก็ยังคงหลับนิ่งอยู่เหมือนเดิม ในบรรดาพวกเรา 5 คน Hide เป็นคนที่มีสติ และมักจะครุ่นคิดไปซะทุกสิ่ง ถึงแม้ว่าผมจะเป็นหัวหน้าวงก็ตาม แต่เค้าก็เป็นผู้ที่ใจเย็นที่สุด ซึ่งให้คำแนะนำดีๆกับ ผมในเวลาที่ผมโมโห หรือสะเทือนใจ แต่ด้วยความกดดันนั้น มันทำให้เค้าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง แต่ในช่วงเวลาเลวร้ายนั้น เค้าก็จะโทรมาหาผมอยู่เสมอ คุยกันเกี่ยวกับเพลงของ X , เพื่อนๆ , ชีวิต , แฟนๆ คุยกันในทุกๆเรื่อง บางครั้งเค้าก็จะทำตัวเหมือนรุ่นพี่ และบางครั้งก็เป็นเหมือนน้องชาย พวกเราดื่มเหล้ากันและบางครั้งก็ทะเลาะกัน แต่วันต่อมาเค้าก็มาพูดกับผมว่า ' Yoshiki เมื่อคืน เราทำอะไรไปหรือเปล่า ขอโทษที จำอะไรไม่ได้เลยล่ะ ' แต่คราวนี้..เค้าไม่ได้มาพูดอะไรกับผมอีกแล้ว ยังคงหลับอยู่ ถึงแฟนๆและ เพื่อนๆทุกคน ผมรู้ว่าพวกคุณกำลังสับสน ผมไม่สามารถที่จะบรรยายความเศร้านี้ออกมาเป็นคำพูดได้เลย แต่พวกเราจำต้องเข้าใจ ว่ามันเป็นความจริง ขอให้ทุกๆ คนส่งใจให้เขาหลับอย่างสงบอย่างนี้ตลอดไป.... (Yoshiki พูดไปพร้อมทั้งเช็ดน้ำตาของเขาด้วยผ้าเช็ด หน้าสีขาว มือที่ถือโพยอยู่ก็สั่น เค้าคงพูดออกมาด้วยความเศร้าจากใจจริงเลย)


------------------------------------------------------------------------------------------

The Storys of Yoshiki
โยชิกิ (Yoshiki Hayashi)เกิด 20 พ.ย. 2508 ในตระกูลร่ำรวยที่มีชื่อตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ชิบะในเมืองทาโทยาม่า กรุ๊ปเลือด AB เป็นคนขี้อาย เก็บกด ถ้าไม่พอใจสิ่งไหนก็จะเก็บเอาไว้ ไม่แสดงท่าทางหรือพูดในสิ่งที่ไม่พอใจออกมา เลี้ยงสุนัข 1 ตัว พันธุ์ดัชชุน (พันธุ์ไส้กรอก)
สีที่ชอบคือสีแดงและน้ำเงินจะชอบมากเป็นพิเศษ ในช่วงที่เขาและวง X ดังถึงขีดสุดนั้นเขากลับเก็บตัวเงียบและพักการทำงานชั่วคราว และไปใช้ชีวิตอยู่ช่วงหนึ่งที่อเมริกาแถวๆแอลเอและนิวยอร์ก หลังจากนั้นจึงกลับมาทำงานเพลงใหม่อีกครั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
(Yoshiki Hayashi) โยชิกิ ฮายาชิ (Yoshiki Hayashi) เกิด20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 ที่ เทเทยามะ ในชิบะ กรุ๊ปเลือด บี สัตว์ที่อยากเลี้ยงคือ เสือ
มีความสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้สารพัดอย่างทั้งเปียโน คีย์บอร์ด กลอง กีตาร์ และเบส ในคอนเสิร์ต แฟนๆ จะสนุกและสะใจมากที่ได้เห็นเขาแสดงดรัมโซโล ต่อด้วยโชว์การพังกลอง
สมัยแรกๆ โยชิกิ ไม่ยอมเปิดเผยประวัติส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง วันเดือนปีเกิด กรุ๊ปเลือด สถานที่เกิด โดยมักจะพูดว่า X ตลอด ว่า X คือทุกสิ่งทุกอย่างของผม ประวัติของโยชิกิ จึงมีแต่ X เต็มไปหมด ส่วนเหตุผลแท้จริงที่เขาไม่ยอมเปิดเผยวันเกิดนั้นก็เพราะว่า โยชิกิเป็นคนอ่อนไหวและขี้อายมากๆ เขาจะรู้สึกเขินเมื่อถึงวันเกิดของเขาแล้วทุกคนแสดงความยินดี
พ่อแม่ของโยชิกิเปิดร้านขายเสื้อผ้า โยชิกิมักพูดถึงแม่เสมอๆ และครั้งหนึ่งบอกว่า แม่พยายามให้เขาหยุดเล่นกลองและให้แต่งเพลงได้อย่างเดียว ความสามารถทางดนตรีของโยชิกิเกิดจากครอบครัวของเขาปลูกฝังเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ปกติแล้วโยชิกิมักจะได้รับเครื่องดนตรีเป็นของขวัญวันเกิดทุกปี เช่น กลอง เปียโน ซึ่งการเรียนเปียโนเป็นสิ่งที่เขาเล่นติดต่อกันนานที่สุด แม้ระหว่างนั้นเลิกเล่นไปหลายครั้ง แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งเขาก็เริ่มหันมาดีดเปียโนใหม่ นอกจากเรียนเปียโนแล้ว โยชิกิก็ได้เรียนคัดอักษร วาดภาพ ลูกคิด ภาษาอังกฤษ เรียงความ
ตอนเด็กๆ โยชิกิเจออุบัติเหตุมากมาย แทบจะจำโรงพยาบาลได้มากกว่าโรงเรียน นอกจากป่วยเป็นโรคหอบหืด (ปัจจุบันหายแล้ว) ยังเคยถูกมอเตอร์ไซด์ชน และระหว่างข้ามทางม้าลายก็ถูกรถชน
ส่วนเหตุการณ์ที่เศร้าสะเทือนใจเขามากที่สุด คือ พ่อของโยชิกิฆ่าตัวตายตอนอายุ 33 ตอนนั้นโยชิกิเพิ่งอายุ 10 ขวบเท่านั้น เขาจึงเขียนเพลง Tears เพื่อระลึกถึงพ่อ แฟนคนแรกของโยชิกิ เป็นดารานักร้องของญี่ปุ่น ชิสุกะ คูโด ทางนักข่าวญี่ปุ่นตีข่าวเป็นเรื่องตลกว่าเขาเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น จนปี 2542 เขาก็แต่งเพลงให้ชิสุกะ ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง เขาเคยพูดว่าอยากแต่งงาน แต่เพราะไม่เคยอยู่บ้าน และความคลั่งไคล้ในดนตรีมีสูงมาก โยชิกิจึงคิดว่ารอต่อไปก่อน จนในที่สุดโยชิกิบอกว่า กลัวที่จะต้องเป็นพ่อคนและกลัวที่จะมีลูกที่จะต้องโตมาเหมือนเขา
โยชิกิไม่ชอบออกรายการวิทยุ และมักปล่อยให้เพื่อนคนอื่นในวง คือ โทชิ ฮิเดะ พาตะ และฮีท พูดคุยกันไป ส่วนตัวเองนั่งเงียบ โยชิกิ กับเทตสึยะ โคมูโร่ นักดนตรีเพลงป๊อบสุดฮอตของญี่ปุ่น รวมตัวกันเป็น V2 ทำเพลง Haitoku no Hitomi และวิดีโอ Virginity ในปี 2535
ต่อมา ปี 2537 โยชิกิ ทำเพลงร่วมกับ โรเจอร์ เทย์เลอร์ มือกลองวงควีน ออกมา 2 เพลง คือ Foreign Sand เนื้อหาเกี่ยวกับความเข้าใจระหว่างกันของคนต่างเชื้อชาติ และในอัลบั้ม Happiness ของเทย์เลอร์ เพลง Final Destination อยู่ในหน้าบีของเทป ปีเดียวกันนั้นเอง โยชิกิทำเพลงกับ Kiss ชื่อเพลง Kiss my ass และเขายังทำเพลงบรรเลงเปียโนให้อีกชื่อ Black Diamond ในปี 2538 โยชิกิตัดผมสั้นกุด และเริ่มแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแปลกๆ บนเวทีคอนเสิร์ต โยชิกิมักเล่นอย่างทุ่มเทแบบสุดจิตสุดใจ บ่อยครั้งเขาจะกระโดดลงมาจากตรงที่เขานั่งเล่นกลอง ซึ่งมักจะอยู่สูงมากๆ จากพื้นเวที จนมีเหตุในปีถัดมาขณะทัวร์คอนเสิร์ต Dahlia Tour ทีมงานต้องรีบส่งตัว โยชิกิเข้าโรงพยาบาลก่อนที่จะแสดงได้จบคอนเสิร์ต เพราะเขาได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังนั่นเอง หมอเตือนโยชิกิให้ระวังตัวหน่อย หรือหยุดเล่นกลองไปเลย แต่ในที่สุดโยชิกิก็ยังเล่นกลองต่อ เพียงแต่คราวนี้ต้องใส่เฝือกดามคอเอาไว้เพื่อความปลอดภัยด้วย
วันที่ 2 เดือนกันยายน 2540 แฟนเพลงเจ-ร็อกทั้งหลายเกือบช็อกตาย เพราะโยชิกิในฐานะหัวหน้าวงออกมาประกาศยุบวง X-japan เพราะเขาและฮิเดะมีแผนการที่จะไปทำวงใหม่กับนักร้องคนใหม่ แต่แล้วแผนการณ์นี้ก็มีอันต้องยุติลงไปพร้อมกับการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของ ฮิเดะ ในปี 2541 หลังจากเหตุการณ์เศร้าสลดผ่านไป โยชิกิกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ที่บ้านในลอสแองเจลิส ขลุกอยู่ในสตูดิโออัดเสียง 2 ห้อง ในบ้านผลิตงานเพลงป้อนวงดนตรีอเมริกันและญี่ปุ่น ที่สังกัดค่าย Extasy International และ Extasy Japan โยชิกิเขียนเพลงให้กับ ไซโจ ฮิเดกิ (Saijo Hideki) และ โชโกะ คิตาโนะ (Shoko Kitano) โยชิกิแต่งเพลงให้กับ ภาพยนตร์เรื่อง Zalman Kinds ชื่อเพลง In God's hand ซึ่งประกอบในหนังเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที แต่แฟนๆ ก็ได้ฟังเพลงเต็มๆ จากในอัลบั้ม Violet UK ด้วย
ปี 2542 โยชิกิทำเพลงให้วงดนตรีญี่ปุ่น Dir en grey และด้วยความที่เป็นนักแต่งเพลงที่มากด้วยพรสวรรค์ โยชิกิ ได้รับเกียรติให้ประพันธ์เพลงเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสที่พระจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นทรงขึ้นครองราชย์ครบ 10 ปี ซึ่งงานนี้จัดขึ้นในวันที่ 12 พ.ย. ที่หน้าพระราชวัง เพลงที่เขาแต่งขึ้นเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะชื่อ Anniversary และตัวเขาเองก็ได้เล่นเปียโนเพลงนี้พร้อมไปกับวงออเคสตร้า ถวายหน้าพระที่นั่งด้วย โยชิกิเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาขอให้แม่ช่วยตอนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา
พระจักรพรรดิ์อากิฮิโต และพระชายา มิชิโกะ จักรพรรดินี ทรงโปรดเพลงนี้มาก ขนาดที่พระจักรพรรดิ์ทรงพระราชนิพนธ์บทกวี (tanka) เกี่ยวกับเพลงนี้ขึ้นมา ในงาน แข่งขันประกวดการแต่งบทกวีช่วงเทศกาล วันปีใหม่(utakai) ใจความว่า ยามอาทิตย์อัสดง ท่ามกลางผู้คนที่รวมตัวกันในสวน ฉันได้ฟังเสียงเพลงเฉลิมฉลอง นอกจากนี้โยชิกิยังได้รับเกียรติยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าที่พระราชวังในกรุงโตเกียวในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ปี2543 โยชิกิและแม่ เดินทางไปร่วมกับแขกเหรื่อผู้มีเกียรติอีกกว่า 2600 คน และได้มีโอกาสช่วงสั้นๆ เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ์เช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆ ด้วย หลังจากนั้น โยชิกิ ได้ทำเพลงและแสดงในโฆษณาหลายชิ้นให้กับซูเปอร์มาร์เก็ต 7-11 ในนาม Violet UK แต่ว่าเพลงที่ทำออกมาเป็นโลกอนาคตมากๆ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวโยงกับตัวซูเปอร์มาร์เก็ตเลย
ปี 2544 โยชิกิมีงานยุ่งมากเพราะเขาต้องทำเพลงให้กับหลายวงแต่ก็ยังไม่ทิ้งโครงการเพลง Violet UK ไปซึ่งตอนแรกดูเหมือนมันจะเปิดตัวได้แล้วในปีนั้น แต่ด้วยความที่โยชิกิเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบ เขาเลยยังชะลอเอาไว้ก่อน โยชิกิวาดหวังว่าโครงการนี้จะเปิดตัวแบบโกอินเตอร์ เนื้อหาทั้งหลายจึงเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหมด ปี 2545 ซึ่งโยชิกิวางแผนจะเปิดตัวเพลง จึงเข้าร่วมกับวง Globe ซึ่งเป็นวงของเทตสึยะ โคมูโร่ เพื่อนที่เคยทำโปรเจค V2 ด้วยกันเมื่อหลายปีที่แล้วนั่นเอง